• คุณรู้สึกว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีแฟน แต่คุณก็ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีใครเลย
• เมื่อคุณมีแฟน คุณมักจะบอกตัวเองหรืออยากให้คนอื่นเชื่อว่าแฟนคุณน่ะขาดคุณไปไม่ได้หรอก
• คุณเคยรู้สึกว่า คุณน่ะมีบุญคุณต่อแฟนคุณ ไม่มากก็น้อย
• คุณมักจะบ่นเรื่องแฟนคุณ ว่าไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมทนมาตลอด ไม่เคยขอเลิกแบบจริงจัง
• เมื่อยังทนอยู่ในความสัมพันธ์ แทนที่จะเห็นว่าคุณไม่อยากเลิกกับเขา คุณกลับบอกกับตัวเองหรือใครๆว่า คุณยังให้โอกาสเขาแก้ตัวอยู่
• คุณมักรู้สึกว่าคุณหาคนที่ดีกว่าเขาได้ แต่คุณก็ไม่กล้าเลิกกับเขา ถึงแม้จะมีผู้ชายอื่นเข้าหาคุณบ้างก็ตาม
• คุณรู้สึกว่า ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือเลวลง ผิดหรือถูก คุณก็ไม่สามารถปล่อยให้อะไรๆในความสัมพันธ์เป็นไปโดยอัตโนมัติได้ (ต้องออกความเห็นหรือควบคุมอะไรบางอย่างเสมอ)
ถ้าหากคำตอบคือ ‘ใช่’ ตั้งแต่ 3 ข้อขึ้นไปล่ะก็ คุณก็เข้าข่ายผู้หญิงที่ล้มเหลวเรื่องความสัมพันธ์ (ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม) แล้วล่ะ…..เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจะไปดูว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตนเองได้อย่างไร
1. ในช่วงแรกเริ่มของความสัมพันธ์ อย่า Show Off
ในช่วงที่เริ่มนัดเดทจีบๆกันแรกๆ คุณจะต้องแสดงให้ฝ่ายชายเห็นว่า คุณก็มีด้านที่เป็น “กุลสตรี” เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปกับเค้าเหมือนกัน แต่บ่อยครั้งที่คุณทำพลาด โดยชอบที่จะแสดงความ “เก่งกาจ” ออกมา ยังกับการโชว์ resume เวลาไปสมัครงาน เพื่อให้ฝ่ายชายเห็นความสามารถของคุณ ซึ่งไม่ว่าคุณจะทำไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันจะกลายเป็นผลเสียในภายหลัง เพราะคุณจะดึงดูดแต่ผู้ชายที่จะเอาแต่พึ่งพาคุณเข้ามาเป็นแฟน แทนที่พวกเขาจะคิดว่าต้องเป็นที่พึ่งให้คุณบ้างในบางเวลา พูดง่ายๆว่า คุณอาจจะต้องมาเหนื่อยใจเหนื่อยกายอยู่คนเดียวในภายหลัง
2. ปรนนิบัติ แต่อย่าปรนเปรอ
คุณสามารถทำหน้าที่แฟนหรือภรรยาที่ดีได้ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นความสัมพันธ์ แต่ไม่ควรจะสปอยล์ฝ่ายชาย ไม่ว่าจะเรื่องเซ็กส์หรือเรื่องเงิน เพราะนิสัยเช่นนั้นก็จะทำให้คุณเจอแต่ผู้ชายที่คิดแต่จะจ้องเอาเปรียบคุณจนเคยตัว และกันพวกผู้ชายที่ช่างเทคแคร์เอาใจซึ่งเหมาะสมกับคุณมากกว่าออกไป….จำเอาไว้ว่าอยู่เฉยๆเอาไว้บ้าง และผู้ชายคนใดที่พร้อมจะเข้าหาคุณเมื่อคุณหยุด “การให้” ผู้ชายคนนั้นแหละที่ “ใช่” สำหรับคุณ
3. คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด แต่เตรียมตัวสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น
การที่คุณทำดีหรือทุ่มเทในความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่ต้องคอยระวังและตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ ว่าลึกๆแล้วคุณ “ไม่ต้องการ” หวังผลตอบแทนหรือรู้สึกมีพระคุณกับฝ่ายชาย ถ้าหากว่าคุณจะต้องเสียเปรียบบ้างในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่ ให้ถือว่านั่นเป็นการ ‘เสียสละ’ เพื่อความรัก อันจะนำพาความสุขที่วัตถุซื้อไม่ได้เข้ามาสู่ชีวิตคุณ และในทางกลับกัน หากว่าคุณรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบมากเกินไปจริงๆ คุณต้องเด็ดเดี่ยวมากพอที่จะยื่นคำขาดกับฝ่ายชาย ในสิ่งที่คุณคาดหวังจากเขา อย่าเอาแต่ทนๆๆ เพราะการแสดงออกตรงไปตรงมา จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเก็บกดจนทำอะไรออกมาโดยไม่รู้ตัว
4. ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
การที่คุณมีบุคลิกภาพ 2 แบบ คือเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเป็นแบบหนึ่ง แต่เวลาอยู่กับแฟนเป็นอีกแบบหนึ่ง จะทำให้ตัวคุณเองรู้สึกเหนื่อยที่ต้องคอยสวมหัวโขนตลอดเวลา ค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่เจอ และรู้สึกสับสนว่าจริงๆแล้วคุณเองเป็นแบบไหนกันแน่ อีกทั้งยังทำให้แฟนคุณรู้สึกอึดอัด และปรับตัวไม่ถูก เนื่องจากต้องคอยรับมือกับบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาของคุณอยู่เสมอ เมื่อต่างฝ่ายต่างเหนื่อย ความสัมพันธ์ก็จะล้มเหลว ดังนั้นคุณต้องสังเกตตัวเองให้ดี ว่ามีบุคลิกภาพซ้อนมากเกินไปหรือไม่
นอกจากนี้ คนรอบข้างผู้หญิงเก่ง โดยเฉพาะคู่รักของพวกเธอ สามารถช่วยพวกเธอได้ โดยการทำดังนี้ค่ะ
1. Be there
ทำให้พวกเธอรู้ว่า ต่อให้พวกเธอไม่ได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือไม่ได้ทำอะไรเลย แค่อยู่เฉยๆ คุณก็พร้อมที่จะรักพวกเธอแล้ว และให้พวกเธอตระหนักว่า คุณจะคอยอยู่เคียงข้างยามเธอล้มเหลว เรียกว่าเป็นมิตรแท้ในยามยากด้วยว่างั้นเถอะ
2. Be comfort
คอยเตือนให้พวกเธอรู้จักผ่อนคลายซะบ้าง เพราะ Working Woman ส่วนใหญ่ มักจะมีวัยเด็กที่ต้องคอยรับผิดชอบตัวเองหรือผู้อื่นมาตลอด พวกเธอก็เลยรู้สึกว่าจะต้องคอยทำงานหนักและเคร่งเครียดตลอดเวลา คุณควรช่วยหาเวลาว่างให้พวกเธอได้คลายเครียด หาอะไรสนุกๆทำ ให้เธอแสดงด้านที่อ่อนไหวออกมาบ้าง เพื่อจะได้ไม่เก็บกดจนซึมเศร้าต่อไป
3. Be reflective
หากเธอชอบที่จะทำอะไรให้คุณมากเกินไป คุณต้องทำให้เธอรู้บ้าง ว่าคุณน่ะรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่ว่ายิ่งได้รับแล้วจะยิ่งสบายใจหรอก แล้วพวกเธอก็จะเข้าใจเอง ว่าการที่เธอทุ่มเทให้ผู้ชายหรือแฟนมากเกินไป จะทำให้ความสัมพันธ์น่าเบื่อและล้มเหลวได้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=872
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น คุยกันสนุกๆ