ความเสียใจที่มองจากคนละมุม

หลังจากอ่านแต่เรื่องรักๆใคร่ๆกันมาพักนึงแล้ววันนี้ผมขอออกนอกเรื่องสักวัน เพราะนอกจากความรักแล้วการงานก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการมีชีวิตอยู่ คุณๆที่เป็นแฟนประจำของคอลัมน์นี้ผมว่าส่วนใหญ่ก็อยู่ในวัยทำงาน จะทำมานานแล้วหรือว่าอาจจะเพิ่งทำ อาจจะยังหางานทำไม่ได้หรืออาจจะเพิ่งตกงานจากพิษเศรษฐกิจ วันนี้ผมรูปแบบของความเสียใจในการสมัครงาน ที่คุณอาจจะเคยรู้สึกกันมาก่อนหรือบางคนที่สมัครงานครั้งเดียวหรือสมัครงานที่ไหนก็ได้ตลอดก็คงจะไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ มีหลายคนบอกว่าให้อยู่อย่างมีความหวังแต่บางครั้งคนเราก็เจ็บปวดจากความหวัง เหมือนกับคำว่า ยิ่งคาดหวังยิ่งเจ็บปวด ความเสียใจที่ใครก็ห้ามไม่ได้ 

สำหรับคนที่ตกรอบแรก อยากได้โอกาสจัง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยตกรอบแรกซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจบใหม่ ระบุกันว่าต้องการคนมีประสบการณ์ แล้วถ้าพวกคุณไม่ให้โอกาสพวกผมได้ทำ แล้วพวกผมจะไปหาคำว่าประสบการณ์มาจากไหนล่ะครับ

คนที่ตกรอบสอง 
ทำดีที่สุดแล้วแต่เค้าไม่ชอบเรา ดีใจจังผ่านรอบแรกมาแล้ว อ้าว แต่ดันตกรอบสอง ผมว่าคงมีหลายๆคนที่ บนบานเอาไว้ว่าถ้าจะไม่ได้งานนี้ขอให้ตกตั้งแต่รอบแรก อย่าให้ผ่านเข้ามาเลย แต่นี่ดันผ่านรอบแรก แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันซะนี่ แล้วให้ผ่านมาทำไมหนอ คนที่ตกรอบสุดท้าย ทำอะไรผิดหว่า อุตสาห์ได้เข้ามาถึงรอบสุดท้ายแล้ว ดันมาตกอะไรก็ไม่รู้ ตกสอบข้อเขียนหรือว่าอะไรไม่เจ็บใจเท่าตกรอบสุดท้ายซึ่งต้องพบกับนายใหญ่สุด หลายๆบริษัทที่ผมว่ามีหลักเหมือนกันคือให้หัวหน้าหรือเจ้าของบริษัทเป็นคน
สัมภาษณ์คนสุดท้าย แล้วบางทีก็มีคนตกรอบด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ถูกชะตา เอ่อ....ผมว่า ควรจะมีการระบุลักษณะโหงวเฮ้งของผู้สมัครไว้ล่างหน้าดีกว่าไหมครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสมัครหรือจะได้ไปทำศัลยกรรมกันมาก่อน 

ได้แล้วแต่ไม่รู้เริ่มงานเมื่อไร บางบริษัทมีการรับคนไปเป็นจำนวนมากแล้วค่อยๆทยอยเรียกอบรม บริษัทต่างชาติบางครั้งก็ไม่สามารถระบุว่าคุณจะเริ่มงานได้เมื่อไร คนที่ไม่โดนเรียกเทรน ต้องรออีกนานเท่าไร สามเดือน หกเดือน หรืออีกหนึ่งปี สุดท้ายก็ผิดหวัง เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของใคร น่าเป็นความผิดเชิงนโยบายการรับคนนะครับที่ทำให้พวกผมต้องรออย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คือจุดจบ 

ระบุดีไหมว่าเส้นอย่างเดียว บางบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่โตและเป็นที่ต้องการของตลาด ระบุเลยดีไหมครับว่าเส้นต้องใหญ่หรือว่ามีเส้นเท่านั้นถึงจะสมัครได้ ท่านรู้กันบ้างไหมครับว่าเด็กตาสีตาสาที่เค้าไม่มีเส้นแต่ก็มีความฝันที่อยากจะร่วมงานด้วย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กเส้นที่พอเข้าไปทำงานแล้วก็ทำงานแบบไม่เต็มใจ แต่ก็อย่างว่าว่าระบบเส้นสายมันแทรกซึมในทุกวงการ
 
ยกเลิกนาทีสุดท้าย ผ่านทุกอย่างแม้กระทั่งการตรวจสุขภาพ กระเป๋าเดินทางพร้อมที่จะไปอบรมต่างประเทศ แต่บริษัทก็โทรมายกเลิกก่อนวันเดินทางด้วยเหตุผลนานา ประการ ส่วนมากก็ลาออกจากที่เก่าแล้วทั้งนั้นเพราะนึกว่าจะได้เริ่มงานใหม่ สุดท้ายก็ผิดหวัง เศร้าเกินคำบรรยายครับ

ไม่ว่าใครที่ตกรอบไหนก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นความเสียใจที่มองจากคนละมุม ผมก็เคยผิดหวังเกือบครบทุกอย่างที่เขียนมาแต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคุณผู้อ่านก็คือ ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง ถ้าเราผิดหวังไปแล้ว เราก็สร้างความหวังอันใหม่ขึ้นมาทดแทนสิครับ ถ้าเราเดินตรงไปยังจุดหมายไม่ได้ ก็ให้มองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง อาจจะเป็นที่เรายังไม่พร้อมหรือยังดีไม่พอ บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องของดวงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเสียไม่ได้ จำไว้ว่าถ้าเราจะทำตามความฝัน และยังไม่สามารถเดินไปยังจุดหมายได้โดยตรงก็ลองเดินอ้อมไปสิครับ อาจจะช้าหน่อยเหนื่อยบ้าง แต่วันที่คุณถึงเส้นชัย มันคือวันที่คุณมีความสุขจากชัยชนะจากความสามารถของคุณเอง เป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคนครับ

credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=677

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น คุยกันสนุกๆ