คำโบราณท่านว่าเอาไว้ เกลียดผู้ชายหรือผู้หญิงแบบไหน ก็มักจะต้องลงเอยครองคู่กับคนแบบนั้น....เรามาดูตรรกะเบื้องหลังที่แท้จริง ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอะไร และเราจะสามารถ”ฝืน”กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) ดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไร
ในหนังสือ ‘The Secret’ ของ Ronda Byrne ซึ่งได้กล่าวถึงเรื่องกฏแห่งแรงดึงดูดเอาไว้นั้น เนื้อหาใจความสำคัญๆก็คือว่า ‘สิ่งใดก็ตาม ที่อยู่ในจิตใจของเรา จะปรากฏขึ้นเป็นความจริงไม่ช้าก็เร็ว’ ซึ่งเป็นทฤษฎีแบบนิวเอจที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครๆหลายคนในโลกนี้ จนส่งผลให้ติดอันดับ Bestseller ขายดีถล่มทลายกันไปเลยทีเดียว แล้วก็มีนักเขียนหลายท่าน ที่เขียนหนังสือเล่มอื่นๆออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว พร้อมคำอธิบายที่อ้างอิงจากหลักวิทยาศาสตร์และหลักจิตวิทยามากมาย จนเป็นที่น่าเชื่อและนำมาอธิบายเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนเราได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องของความสัมพันธ์หรือคู่รักด้วยครับ โดยมีผู้อ่านหลายๆท่าน(ในต่างประเทศ) ที่เขียนอีเมล์บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง หลังจากที่ได้อ่านเรื่องกฎแห่งการดึงดูด ว่ามันช่างสอดคล้องกับชีวิตของพวกเขาหรือเธอจริงๆ โดยเราจะไม่พูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยในที่นี้ แต่จะมาสรุปสาระให้ทราบกันว่า กระบวนการในการดึงดูดคู่รักในแบบต่างๆนั้นเป็นเช่นไร
1. คนรักคนแรก
คุณคงเคยได้ยินว่า คนรักคนแรกของมนุษย์เรานั้น ก็คือพ่อหรือแม่ของเราเอง กล่าวคือ ผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนพ่อของเธอ และผู้ชายก็จะรู้สึกดึงดูดโดยผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนแม่ของเขา ทั้งนี้กฎของ Psychoanalysis ก็ระบุว่าไว้ในทำนองเดียวกันว่า สิ่งใดก็ตามที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกในวัยเด็ก จะกลายมาเป็นโชคชะตาที่คนๆนั้นต้องพบเจอเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ….ปัญหาก็คือว่า เจ้าแรงดึงดูดจากจิตใต้สำนึกดังกล่าวนี้ มันไม่ได้แยกว่าอะไรดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ…มันแค่เอาสิ่งใดๆก็ตามที่ฝังใจอยู่ ออกมาปรากฏหรือดึงดูดสิ่งๆนั้นเข้าสู่ชีวิตของบุคคลนั้น ดังนั้น หากใครที่มีพ่อหรือแม่ที่มีความประพฤติไม่ค่อยจะดีนัก เช่นติดเหล้า ติดการพนัน หรือชอบใช้ความรุนแรง เป็นคนขี้โมโห เป็นต้น เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็มักจะถูกดึงดูดเข้าหา หรือสนใจคนประเภทนั้นๆโดยไม่รู้สาเหตุ แล้วคนที่ประพฤติตัวไม่ดีเหล่านั้น ก็จะถูกดึงดูดเข้าหาด้วยเช่นกัน เป็นเหมือนแม่เหล็กขั้วบวกกับขั้วลบนั่นเอง
2. พลังแห่งอารมณ์แง่ลบ
คุณอาจจะบอกว่า ‘ผมไม่ได้อยากดึงดูดผู้หญิงแบบนี้เลย’ หรือ ‘ชั้นเกลียดผู้ชายแบบนี้จะตาย!.....แต่เรื่องที่ขัดแย้งในตัวเองก็คือว่า ยิ่งคุณคิดถึงหรือรู้สึกกับผู้ชายหรือผู้หญิงในแบบที่คุณรังกียจ ด้วยอารมณ์ที่เป็นลบมากเท่าไร ยิ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มพลังให้กับความคิดความรู้สึกดังกล่าวมากขึ้นเท่านั้น (Energy flows where your attention goes) แล้วยิ่งพลังงานมันมากขึ้น โอกาสที่มันจะเป็นจริงขึ้นมาหรือดึงดูดมันเข้าหา ก็มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นวิธีการแก้ไข ก็คือ อย่าไปตัดสินหรือตั้งแง่รังเกียจบุคคลลักษณะใดๆก็ตามที่คุณไม่ชอบ หากคุณมีเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจกับบุคลเหล่านั้นแล้วล่ะก็ ขอให้แผ่เมตตาและปลดปล่อยมันไปจากใจ เอาสมองไปจดจ่อกับคนในลักษณะที่คุณต้องการดีกว่า เช่นคนขยันขันแข็ง คนรักครอบครัว คนที่เข้าอกเข้าใจคุณ ฯลฯ
3. เว้นวรรคทางความคิด
เราเข้าใจกันไปแล้ว สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงดึงดูดแต่คนในแบบที่เราไม่ชอบเข้ามาในชีวิต อีกเรื่องที่คุณคงยังสงสัยอยู่ก็คือ ‘ก็แล้วทำไมไม่มีคนประเภทอื่นๆผ่านเข้ามาแทรกบ้างล่ะ?’ นั่นแหละครับ คำถามที่คุณจะหาคำตอบได้โดยการ’หยุด’และเว้นวรรคทางความคิดสักหน่อย เพราะสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำกันหลังจากเลิกรากับแฟนก็คือ หาแฟนใหม่มาแทนที่ทันที…..ก็ในเมื่อยังไม่ทันได้ฉุกคิด ก็รีบร้อนที่จะมีใหม่ซะแล้ว ผลก็คืออารมณ์และความรู้สึกในหัวยังคงคิดถึงคนแบบเดิมๆอยู่ เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์โปรแกรม Word ที่ไม่ว่าคุณจะปริ๊นท์ออกมากี่ครั้งๆ เนื้อหามันก็จะออกมาเหมือนกันทุกครั้ง ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าไปแก้หรือเปลี่ยนข้อความข้างในเสียก่อน ดังนั้น หากมีแฟนมาติดๆกัน 2-3 คนแล้ว ยังเจอคนเหมือนเดิมทุกครั้ง เช่นเจอแต่คนเห็นแก่ตัว หรือเจอแต่คนชอบทำร้ายร่างกาย ก็ลองหยุด และไปหาสถานที่สงบๆ สำรวจใจตัวเองดูก่อน เว้นไปสักครึ่งปี แล้วค่อยหาใหม่ดีกว่าครับ
ชีวิตคนเรานั้นสั้นเกินกว่า ที่จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านะครับ แต่ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยว่า คุณกำลังมีส่วนในการ’เชื้อเชิญ’เหตุการณ์หรือบุคคลเหล่านั้น เข้ามาในชีวิตเอง โดยที่ไม่รู้ตัว หรือเปล่า…ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้ตระหนักว่า คุณเลือกเองได้ครับ!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=696
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น คุยกันสนุกๆ