http://www.sugasstic.net/thread-193-1-1.html
http://min.us/mbqDXTUPIc8dGg
8 คุณสมบัติของผู้หญิง ที่ดึงดูดใจผู้ชาย
สิ่งที่ผู้ชายแต่ละคนมองหาจากผู้หญิงนั้น อาจแตกต่างกันออกไป บางคนเน้นหน้าตาดีไว้ก่อน บางคนเน้นรูปร่างดีไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ผู้ชายมองหาจากผู้หญิง เพื่อคิดที่จะคบกันในระยะยาวล่ะ? จะมีอะไรบ้าง รายการต่อไปนี้ คือความคิดของผู้ชายส่วนมาก
1. สติปัญญาดี
ลึกๆ แล้วผู้ชาย ส่วนมากก็ชอบผู้หญิงที่มีสมอง ใช้ความคิด มีเหตุผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องการผู้หญิงที่เก่งมากๆ เพียงแค่ต้องการผู้หญิงที่ใช้ความคิดในการแก้ปัญหา หรือพอที่จะจัดการในเรื่องต่างๆ ได้ดี หรือหากไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่มีความพยายามในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะทำให้มีเสน่ห์ในสายตาผู้ชายได้มาก
2. ความอ่อนโยน
ผู้ชายน่ะ ได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากผู้หญิง มากเท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอ นั่นเป็นเพราะผู้ชายส่วนมาก ยังมีความรู้สึกแบบเป็นเด็ก ซ่อนเอาไว้อยู่ภายใน แต่ผู้ชายมักจะไม่ค่อยแสดงออกมา (เป็นเพราะมีอีโก้นั่นเอง) ก็เลยไม่ค่อยจะบอกผู้หญิงว่า “อ่อนโยนกับผมหน่อยนะ” ซึ่งจริงๆแล้ว หัวใจของผู้ชายอาจจะอ่อนแอ เปราะบาง แตกง่ายจะตาย เปราะบางจนไม่กล้าที่จะแสดงมุมที่อ่อนแอของตัวเอง ออกมาให้ผู้หญิงเห็น เมื่อผู้ชายเป็นอย่างนี้ และผู้หญิงสามารถแสดง ความอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใย ปลอบใจผู้ชายในเรื่องต่างๆ ได้ ก็จะทำให้เขาอยากฝากหัวใจเอาไว้กับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น
3. ดูแลตัวเองได้
แม้ว่า ผู้ชายถนัดที่จะเทคแคร์ และดูแลผู้หญิง แต่ในใจของผู้ชายนั้นชอบผู้หญิง ที่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างดีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของผู้หญิง ในการดูแลรูปร่างของตัวเอง การวางแผนการใช้ชีวิต เพราะผู้หญิงที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี จะมีความโดดเด่น และเขาก็อยากเข้าใกล้ หรือคบกับเธอ เพราะทำให้เขาดูดี หรือโดดเด่นขึ้นมาได้ (เพราะเธอ) เช่นกัน
4. ซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ วางใจได้ คือสิ่งที่ผู้ชายต้องการจากผู้หญิง (เช่นเดียวกัน ผู้หญิงก็ต้องการจากผู้ชาย) ผู้ชายไม่อยากจะมีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ว่าเธอจะไปไหน ทำอะไร ไปกับใคร เพราะเพียงแค่การทำงาน ผู้ชายก็วุ่นมากพออยู่แล้ว ความซื่อสัตย์จำเป็นในการที่จะคบกัน มีคำกล่าวว่า ถ้ายังไม่พร้อมที่จะคบกับเขา ก็ปล่อยให้เขาไปคบกับคนอื่นดีกว่า น่าจะมีความสุขกว่า ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวหนักตามมา
5. ความลึกลับ (เล็กน้อย)
เริ่มจากสิ่งที่ติดตัวผู้ชายมา คือชอบคิดอะไรที่สลับซับซ้อนอยู่แล้ว ถ้าเขาได้เจอผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกว่า เธอมีอะไรที่ลึกลับ น่าสนใจ เข้าก็จะโฟกัสไปที่เธอ และพยายามทำความเข้าใจ และรู้เรื่องนั้นให้ได้ มันเหมือนเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ผู้หญิงมี และดึงดูดผู้ชายให้สนใจเธอ การทำตัวให้ลึกลับบ้าง นอกจากจะน่าสนุกแล้ว อย่างทำให้ผู้ชายเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาผู้หญิงไปโดยปริยาย ผู้ชายน่ะเป็นเพศที่ชอบขบคิดมาก ในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว เขาจะเสาะแสวงหา และพยายามทำความเข้าใจในตัวเธอให้ได้
6. สิ่งที่ท้าทายเขา
ผู้หญิงที่จีบยาก หรือเล่นตัวสักเล็กน้อย หรือเล่นตัวมากก็แล้วแต่ จะทำให้ผู้ชายเอาชนะใจเธอให้ได้ (ดูเหมือนว่า จะเป็นมาอย่างนี้ทุกยุคทุกสมัย) และถ้าผู้หญิงไม่เล่นตัวเลย ก็จะเป็นการลดคุณค่าของตัวเองไปซะอย่างนั้น ผู้ชายน่ะ มีสัญชาติญาณการแข่งขันอยู่ในตัวเอง และเมื่อเจออะไรที่ท้าทาย ก็จะพยายามเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา ยิ่งท้าทายมากยิ่งชอบ ยิ่งอยากจะเอาชนะใจเธอให้ได้
7. แรงดึงดูดในเรื่องเพศ (sex appeal)
แน่นอน ธรรมชาติของผู้ชาย จะให้ความสำคัญเรื่องเพศ (หรือความต้องการทางเพศนั่นแหละ) มาเป็นลำดับต้นๆ ดังนั้น รูปร่างของผู้หญิง การแต่งกาย ตลอดจนลักษณะการพูด ทำให้ผู้ชายถึงกับเคลิบเคลิ้มได้ ความเซ็กซี่เล็กๆ ของผู้หญิง คือสิ่งที่ผู้ชายโหยหา(บางคน อาจจะอยู่ในใจลึกๆ)
8. ความเป็นผู้หญิง
ผู้หญิงมองหาผู้ชาย ที่มีความเข้มแข็งแบบผู้ชาย ในขณะเดียวกัน ผู้ชายก็มองหาผู้หญิงที่ดูน่าทะนุถนอมแบบผู้หญิง ผู้หญิงที่ มีความเป็นผู้หญิง ก็เหมือนอาหารจานหลักของผู้ชาย ที่ผู้ชายต้องการตลอด ถึงแม้บางทีผู้ชายต้องการรสชาดอะไรแปลกใหม่ แต่ยังไงก็ขาดอาหารจานหลักไม่ได้ ผู้ชาย มองหาผู้หญิง ที่มีความเป็นผู้หญิงเต็มตัว เหตุผลหลักก็คือ เข้ามาเติมเต็มให้ชีวิต ผู้ชายต้องการความรู้สึกได้เป็นผู้ชาย ได้ดูแลผู้หญิง ได้รู้ความรู้สึกจากมุมมองของผู้หญิง ที่ผู้ชายไม่สามารถคิดเอาเองได้ ได้รับความรู้สึกร่วมกันว่า “ผมเป็นผู้ชายของคุณ” และ “ฉันเป็นผู้หญิงของคุณ”
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=668
1. สติปัญญาดี
ลึกๆ แล้วผู้ชาย ส่วนมากก็ชอบผู้หญิงที่มีสมอง ใช้ความคิด มีเหตุผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องการผู้หญิงที่เก่งมากๆ เพียงแค่ต้องการผู้หญิงที่ใช้ความคิดในการแก้ปัญหา หรือพอที่จะจัดการในเรื่องต่างๆ ได้ดี หรือหากไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่มีความพยายามในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะทำให้มีเสน่ห์ในสายตาผู้ชายได้มาก
2. ความอ่อนโยน
ผู้ชายน่ะ ได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากผู้หญิง มากเท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอ นั่นเป็นเพราะผู้ชายส่วนมาก ยังมีความรู้สึกแบบเป็นเด็ก ซ่อนเอาไว้อยู่ภายใน แต่ผู้ชายมักจะไม่ค่อยแสดงออกมา (เป็นเพราะมีอีโก้นั่นเอง) ก็เลยไม่ค่อยจะบอกผู้หญิงว่า “อ่อนโยนกับผมหน่อยนะ” ซึ่งจริงๆแล้ว หัวใจของผู้ชายอาจจะอ่อนแอ เปราะบาง แตกง่ายจะตาย เปราะบางจนไม่กล้าที่จะแสดงมุมที่อ่อนแอของตัวเอง ออกมาให้ผู้หญิงเห็น เมื่อผู้ชายเป็นอย่างนี้ และผู้หญิงสามารถแสดง ความอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใย ปลอบใจผู้ชายในเรื่องต่างๆ ได้ ก็จะทำให้เขาอยากฝากหัวใจเอาไว้กับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น
3. ดูแลตัวเองได้
แม้ว่า ผู้ชายถนัดที่จะเทคแคร์ และดูแลผู้หญิง แต่ในใจของผู้ชายนั้นชอบผู้หญิง ที่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างดีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของผู้หญิง ในการดูแลรูปร่างของตัวเอง การวางแผนการใช้ชีวิต เพราะผู้หญิงที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี จะมีความโดดเด่น และเขาก็อยากเข้าใกล้ หรือคบกับเธอ เพราะทำให้เขาดูดี หรือโดดเด่นขึ้นมาได้ (เพราะเธอ) เช่นกัน
4. ซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ วางใจได้ คือสิ่งที่ผู้ชายต้องการจากผู้หญิง (เช่นเดียวกัน ผู้หญิงก็ต้องการจากผู้ชาย) ผู้ชายไม่อยากจะมีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ว่าเธอจะไปไหน ทำอะไร ไปกับใคร เพราะเพียงแค่การทำงาน ผู้ชายก็วุ่นมากพออยู่แล้ว ความซื่อสัตย์จำเป็นในการที่จะคบกัน มีคำกล่าวว่า ถ้ายังไม่พร้อมที่จะคบกับเขา ก็ปล่อยให้เขาไปคบกับคนอื่นดีกว่า น่าจะมีความสุขกว่า ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวหนักตามมา
5. ความลึกลับ (เล็กน้อย)
เริ่มจากสิ่งที่ติดตัวผู้ชายมา คือชอบคิดอะไรที่สลับซับซ้อนอยู่แล้ว ถ้าเขาได้เจอผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกว่า เธอมีอะไรที่ลึกลับ น่าสนใจ เข้าก็จะโฟกัสไปที่เธอ และพยายามทำความเข้าใจ และรู้เรื่องนั้นให้ได้ มันเหมือนเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ผู้หญิงมี และดึงดูดผู้ชายให้สนใจเธอ การทำตัวให้ลึกลับบ้าง นอกจากจะน่าสนุกแล้ว อย่างทำให้ผู้ชายเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาผู้หญิงไปโดยปริยาย ผู้ชายน่ะเป็นเพศที่ชอบขบคิดมาก ในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว เขาจะเสาะแสวงหา และพยายามทำความเข้าใจในตัวเธอให้ได้
6. สิ่งที่ท้าทายเขา
ผู้หญิงที่จีบยาก หรือเล่นตัวสักเล็กน้อย หรือเล่นตัวมากก็แล้วแต่ จะทำให้ผู้ชายเอาชนะใจเธอให้ได้ (ดูเหมือนว่า จะเป็นมาอย่างนี้ทุกยุคทุกสมัย) และถ้าผู้หญิงไม่เล่นตัวเลย ก็จะเป็นการลดคุณค่าของตัวเองไปซะอย่างนั้น ผู้ชายน่ะ มีสัญชาติญาณการแข่งขันอยู่ในตัวเอง และเมื่อเจออะไรที่ท้าทาย ก็จะพยายามเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา ยิ่งท้าทายมากยิ่งชอบ ยิ่งอยากจะเอาชนะใจเธอให้ได้
7. แรงดึงดูดในเรื่องเพศ (sex appeal)
แน่นอน ธรรมชาติของผู้ชาย จะให้ความสำคัญเรื่องเพศ (หรือความต้องการทางเพศนั่นแหละ) มาเป็นลำดับต้นๆ ดังนั้น รูปร่างของผู้หญิง การแต่งกาย ตลอดจนลักษณะการพูด ทำให้ผู้ชายถึงกับเคลิบเคลิ้มได้ ความเซ็กซี่เล็กๆ ของผู้หญิง คือสิ่งที่ผู้ชายโหยหา(บางคน อาจจะอยู่ในใจลึกๆ)
8. ความเป็นผู้หญิง
ผู้หญิงมองหาผู้ชาย ที่มีความเข้มแข็งแบบผู้ชาย ในขณะเดียวกัน ผู้ชายก็มองหาผู้หญิงที่ดูน่าทะนุถนอมแบบผู้หญิง ผู้หญิงที่ มีความเป็นผู้หญิง ก็เหมือนอาหารจานหลักของผู้ชาย ที่ผู้ชายต้องการตลอด ถึงแม้บางทีผู้ชายต้องการรสชาดอะไรแปลกใหม่ แต่ยังไงก็ขาดอาหารจานหลักไม่ได้ ผู้ชาย มองหาผู้หญิง ที่มีความเป็นผู้หญิงเต็มตัว เหตุผลหลักก็คือ เข้ามาเติมเต็มให้ชีวิต ผู้ชายต้องการความรู้สึกได้เป็นผู้ชาย ได้ดูแลผู้หญิง ได้รู้ความรู้สึกจากมุมมองของผู้หญิง ที่ผู้ชายไม่สามารถคิดเอาเองได้ ได้รับความรู้สึกร่วมกันว่า “ผมเป็นผู้ชายของคุณ” และ “ฉันเป็นผู้หญิงของคุณ”
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=668
5 ข้อ ถามตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มมีความรัก
ก่อนที่จะเริ่มต้นมีสายสัมพันธ์ความรักกับใครสักคนหนึ่ง คุณอาจจะต้องการความแน่ใจให้กับตัวเองสักเล็กน้อย ว่าตัวคุณ พร้อมที่จะมีความรักกับคนๆ นี้ หรือยัง ซึ่งทางหนึ่ง ที่ทำได้ ก็คือ ล้วงลึกถึงความรู้สึกของตัวเอง ตอบคำถามตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร ซึ่งจากนั้น ก็จะเกิดเป็นความรู้สึกมั่นใจ ที่จะเลือก เดินทางตามสายสัมพันธ์ความรัก ที่ตรงกับความต้องการของตัวคุณเอง
เป็นฝ่ายเลือก และรู้ว่าตัวเองต้องการคบกันคนแบบไหน
ถามตัวเองว่า คนแบบไหน ที่ตรงใจ ที่จะมาคบกันได้ เพราะจะเป็นพื้นฐานที่ดี ให้เมื่อคบกันแล้ว ก็จะประคับคองสายสัมพันธ์ ที่ดีกันได้ง่าย คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก่อนก็คือ คนรักที่จะมาคบกัน ควรจะมีคุณสมบัติแบบไหนบ้าง?
เลือกอย่างตั้งใจ
หาเหตุผลที่ดี ให้ตัวเองแน่ใจ ก่อนที่จะเริ่มต้นสายสัมพันธ์ เพื่อความมั่นใจ และความพร้อม ก่อนที่จะออกเดินทาง บนถนนสายความรัก คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก่อนก็คือ สายสัมพันธ์ความรักแบบไหน ที่ตัวเราต้องการ? ทำไมตัวเราถึงต้องการสายสัมพันธ์ครั้งนี้?
ก่อนที่จะพัฒนาสายสัมพันธ์
แน่ใจหรือยังว่า คุณ และคนที่กำลังคบกัน พร้อมที่จะจริงใจ และจริงจังต่อกัน ก่อนที่จะพัฒนาสายสัมพันธ์ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก่อนก็คือ ตัวเราพร้อมที่จะผูกพัน – มีความรับผิดชอบ กับคนที่คบกันหรือยัง และเช่นเดียวกัน ถามอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยคำถามเดียวกันนี้ ว่าพร้อมที่จะผูกพันกันหรือยัง
แนวความคิด ความเชื่อ
จะเริ่มคบกัน มีมุมมองความคิดสอดคล้องกันหรือไม่ ถ้ามีบางเรื่องที่มีแนวความคิดไม่สอดคล้องกัน ยอมรับกันได้หรือไม่ เมื่อคบกัน ต่างฝ่าย ต่างรับฟัง แนวความคิด ความเชื่อ ที่มีแตกต่างกันได้มั้ย
ถามความรู้สึกตัวเองให้แน่ใจ
รู้ตัวเอง และรู้ความรู้สึกที่มีต่อคนที่คุณคิดจะคบด้วย คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก็คือ ตัวเรารู้สึกดี – ปลอดภัย กับคนที่จะคบกันนี้หรือไม่ และถามอีกฝ่าย เช่นเดียวกันว่า รู้สึกดี ที่จะคบกันหรือไม่
นอกจาก คำถาม 5 ข้อนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรเตรียมพร้อมก่อนที่จะมีความรักก็คือ รู้จักรักตัวเองก่อน และจะรักคนอื่นเป็น
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=671
เป็นฝ่ายเลือก และรู้ว่าตัวเองต้องการคบกันคนแบบไหน
ถามตัวเองว่า คนแบบไหน ที่ตรงใจ ที่จะมาคบกันได้ เพราะจะเป็นพื้นฐานที่ดี ให้เมื่อคบกันแล้ว ก็จะประคับคองสายสัมพันธ์ ที่ดีกันได้ง่าย คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก่อนก็คือ คนรักที่จะมาคบกัน ควรจะมีคุณสมบัติแบบไหนบ้าง?
เลือกอย่างตั้งใจ
หาเหตุผลที่ดี ให้ตัวเองแน่ใจ ก่อนที่จะเริ่มต้นสายสัมพันธ์ เพื่อความมั่นใจ และความพร้อม ก่อนที่จะออกเดินทาง บนถนนสายความรัก คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก่อนก็คือ สายสัมพันธ์ความรักแบบไหน ที่ตัวเราต้องการ? ทำไมตัวเราถึงต้องการสายสัมพันธ์ครั้งนี้?
ก่อนที่จะพัฒนาสายสัมพันธ์
แน่ใจหรือยังว่า คุณ และคนที่กำลังคบกัน พร้อมที่จะจริงใจ และจริงจังต่อกัน ก่อนที่จะพัฒนาสายสัมพันธ์ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก่อนก็คือ ตัวเราพร้อมที่จะผูกพัน – มีความรับผิดชอบ กับคนที่คบกันหรือยัง และเช่นเดียวกัน ถามอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยคำถามเดียวกันนี้ ว่าพร้อมที่จะผูกพันกันหรือยัง
แนวความคิด ความเชื่อ
จะเริ่มคบกัน มีมุมมองความคิดสอดคล้องกันหรือไม่ ถ้ามีบางเรื่องที่มีแนวความคิดไม่สอดคล้องกัน ยอมรับกันได้หรือไม่ เมื่อคบกัน ต่างฝ่าย ต่างรับฟัง แนวความคิด ความเชื่อ ที่มีแตกต่างกันได้มั้ย
ถามความรู้สึกตัวเองให้แน่ใจ
รู้ตัวเอง และรู้ความรู้สึกที่มีต่อคนที่คุณคิดจะคบด้วย คำถามสำคัญ ที่จะต้องถามตัวเองก็คือ ตัวเรารู้สึกดี – ปลอดภัย กับคนที่จะคบกันนี้หรือไม่ และถามอีกฝ่าย เช่นเดียวกันว่า รู้สึกดี ที่จะคบกันหรือไม่
นอกจาก คำถาม 5 ข้อนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรเตรียมพร้อมก่อนที่จะมีความรักก็คือ รู้จักรักตัวเองก่อน และจะรักคนอื่นเป็น
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=671
7 สิ่งที่จะพิสูจน์ ความเป็นคู่แท้
คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่าคุณเจอคู่แท้ เข้าให้แล้ว?
บางคนอาจจะพูดว่า มันเป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้ แต่ในขณะที่บางคน สามารถกำหนดลักษณะออกมาได้เลย ว่าคู่แท้ควรจะมีอะไรต่อกัน และมีเหตุผลอะไรบ้าง ที่คนสองคนจะมีสายสัมพันธ์ที่สมบูรณ์
และสำหรับคนที่ยังไม่ได้ สัมผัสกับคำว่าคู่แท้... 7 ข้อต่อไปนี้ คือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่า คุณได้เจอกับคู่แท้เข้าให้เลย หรือข้อต่อไปนี้ ก็คือสิ่งที่คุณควรจะมองหา เมื่อต้องการค้นหาคู่แท้เช่นกัน
1. จริยธรรม และ ความเชื่อ
ทุกๆ คน มีความเชื่อ และจริยธรรมที่ใช้ในการดำเนินชีวิตของตัวเอง และสิ่งดีๆ ที่คนส่วนมากต้องการก็คือ การเปิดเผยต่อกัน รวมทั้งความซื่อสัตย์ และให้การยอมรับกันและกัน แต่ในความเป็นจริงๆ ความเชื่อและมุมมองของคนเรา มักแตกต่างกันอยู่เสมอ ดังนั้น เป็นเรื่องจำเป็นที่ว่า จะต้องนั่งคุยกับคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ถึงความคิด และความเชื่อที่ต่างฝ่ายต่างมี ว่า ถ้าคบกัน แล้วจะสมานฉันท์กันได้หรือไม่ นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ ที่ควรคุยกัน หากคิดจะคบกันต่อไปในระยะยาว
2. การสื่อสาร
การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญ ไปสู่ความเข้าใจกัน แต่ ในแต่ละคู่ ก็ย่อมมีรูปแบบของการสื่อสารที่แตกต่างกัน ซึ่งจำเป็นจะต้องค้นหาวิธีสื่อสารกับคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ แบบที่จะช่วยให้เข้าใจกันได้มากที่สุด รวมทั้งในเวลาเดียวกัน ก็จำเป็นจะต้องถามตัวเองด้วยว่า สื่อสารกันในรูปแบบนี้ จะช่วยให้คบกันได้ในระยะยาวหรือไม่ บางคนชอบเปิดเผย พูดทุกอย่างกับคนรัก ในขณะที่บางคนพูดน้อย แต่ชอบแสดงออกทางภาษากาย หรือใช้การกระทำ – ประมาณว่า พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ
3. ยอมรับซึ่งกันและกัน
คนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ยอมรับคุณ ในแบบที่คุณเป็นหรือไม่ รูปร่างของคุณ ครอบครัวของคุณ... ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเอาใจคนเพียงคนๆ เดียว เขาหรือเธอ ควรจะรับฟังคุณ ใส่ใจคุณ รวมทั้งใส่ใจครอบครัวของคุณด้วย.. เพราะคุณมีค่ามากพอ ที่จะเป็นอย่างนี้
4. คุยกันเรื่องครอบครัว
คุณจะต้องปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของคนรัก รวมทั้งการพูดคุยถึงเรื่องราวของครอบครัวในแต่ละฝ่าย และความหวัง เป้าหมาย ที่คุณจะสร้างชีวิตครอบครัวด้วยกัน วางแผนว่า จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ และแน่นอน! จะมีลูกกันกี่คนดีนะ!
5. บุคลิกลักษณะ
บุคลิกลักษณะ เป็นบทบาทที่สำคัญ ที่จะแสดงความเข้ากันได้ของคนสองคน แต่อย่างไรก็ตาม ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า แบบไหนจะดีที่สุด ระหว่างคบกับคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยคล้ายกัน กับ คบกับคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยตรงข้ามกัน ซึ่งเมื่อเจอกรณีเข้า คุณจะต้องตัดสินใจเอง ด้วยประสบการณ์ของคุณดูว่า แบบไหน ที่จะลงตัวกับคุณ
6. งานอดิเรก และ สิ่งที่สนใจ
ค่อนข้างแน่นอนอยู่แล้ว ว่าคุณคงจะไม่มีงานอดิเรก หรือสิ่งที่สนใจแบบเดียวกันกับคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ไปซะทุกเรื่องทั้งหมด แต่อย่างไร ก็ตาม การที่มีงานอดิเรก หรือสิ่งที่สนใจร่วมกัน ช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้อย่างแน่นอน เมื่อทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยๆ สายสัมพันธ์ก็ย่อมแนบแน่น แน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และคุยกันได้อย่างสนุก เพราะสนใจเรื่องเดียวกัน
7. ความขัดแย้งกัน
แม้แต่คู่รักที่สมบูรณ์แบบที่สุด ก็ต้องจัดการปัญหาเรื่องความขัดแย้งร่วมกัน ซึ่งความขัดแย้งมักจะมีเข้ามาเรื่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ บ้าง ใหญ่ๆ บ้าง คุณและคนรัก จะได้ค่อยๆ เรียนรู้ วิธีที่ดีที่สุด ที่จะจัดการความขัดแย้ง หรือโต้เถียงกันให้มีความพอดี บางครั้งก็ต้องลดอารมณ์โกรธลงไป และเปลี่ยนไปเป็นพยายามทำความเข้าใจคนรัก เพื่อให้ ปัญหาลุกลามใหญ่โต พูดคุยกันอย่างใจเย็นๆ และถ้าคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ไม่สนใจความรู้สึกคุณ ว่าจะเป็นยังไง... บางทีคุณกับเขาหรือเธอ ก็อาจจะยังไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกัน
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=674
บางคนอาจจะพูดว่า มันเป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้ แต่ในขณะที่บางคน สามารถกำหนดลักษณะออกมาได้เลย ว่าคู่แท้ควรจะมีอะไรต่อกัน และมีเหตุผลอะไรบ้าง ที่คนสองคนจะมีสายสัมพันธ์ที่สมบูรณ์
และสำหรับคนที่ยังไม่ได้ สัมผัสกับคำว่าคู่แท้... 7 ข้อต่อไปนี้ คือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่า คุณได้เจอกับคู่แท้เข้าให้เลย หรือข้อต่อไปนี้ ก็คือสิ่งที่คุณควรจะมองหา เมื่อต้องการค้นหาคู่แท้เช่นกัน
1. จริยธรรม และ ความเชื่อ
ทุกๆ คน มีความเชื่อ และจริยธรรมที่ใช้ในการดำเนินชีวิตของตัวเอง และสิ่งดีๆ ที่คนส่วนมากต้องการก็คือ การเปิดเผยต่อกัน รวมทั้งความซื่อสัตย์ และให้การยอมรับกันและกัน แต่ในความเป็นจริงๆ ความเชื่อและมุมมองของคนเรา มักแตกต่างกันอยู่เสมอ ดังนั้น เป็นเรื่องจำเป็นที่ว่า จะต้องนั่งคุยกับคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ถึงความคิด และความเชื่อที่ต่างฝ่ายต่างมี ว่า ถ้าคบกัน แล้วจะสมานฉันท์กันได้หรือไม่ นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ ที่ควรคุยกัน หากคิดจะคบกันต่อไปในระยะยาว
2. การสื่อสาร
การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญ ไปสู่ความเข้าใจกัน แต่ ในแต่ละคู่ ก็ย่อมมีรูปแบบของการสื่อสารที่แตกต่างกัน ซึ่งจำเป็นจะต้องค้นหาวิธีสื่อสารกับคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ แบบที่จะช่วยให้เข้าใจกันได้มากที่สุด รวมทั้งในเวลาเดียวกัน ก็จำเป็นจะต้องถามตัวเองด้วยว่า สื่อสารกันในรูปแบบนี้ จะช่วยให้คบกันได้ในระยะยาวหรือไม่ บางคนชอบเปิดเผย พูดทุกอย่างกับคนรัก ในขณะที่บางคนพูดน้อย แต่ชอบแสดงออกทางภาษากาย หรือใช้การกระทำ – ประมาณว่า พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ
3. ยอมรับซึ่งกันและกัน
คนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ยอมรับคุณ ในแบบที่คุณเป็นหรือไม่ รูปร่างของคุณ ครอบครัวของคุณ... ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเอาใจคนเพียงคนๆ เดียว เขาหรือเธอ ควรจะรับฟังคุณ ใส่ใจคุณ รวมทั้งใส่ใจครอบครัวของคุณด้วย.. เพราะคุณมีค่ามากพอ ที่จะเป็นอย่างนี้
4. คุยกันเรื่องครอบครัว
คุณจะต้องปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของคนรัก รวมทั้งการพูดคุยถึงเรื่องราวของครอบครัวในแต่ละฝ่าย และความหวัง เป้าหมาย ที่คุณจะสร้างชีวิตครอบครัวด้วยกัน วางแผนว่า จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ และแน่นอน! จะมีลูกกันกี่คนดีนะ!
5. บุคลิกลักษณะ
บุคลิกลักษณะ เป็นบทบาทที่สำคัญ ที่จะแสดงความเข้ากันได้ของคนสองคน แต่อย่างไรก็ตาม ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า แบบไหนจะดีที่สุด ระหว่างคบกับคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยคล้ายกัน กับ คบกับคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยตรงข้ามกัน ซึ่งเมื่อเจอกรณีเข้า คุณจะต้องตัดสินใจเอง ด้วยประสบการณ์ของคุณดูว่า แบบไหน ที่จะลงตัวกับคุณ
6. งานอดิเรก และ สิ่งที่สนใจ
ค่อนข้างแน่นอนอยู่แล้ว ว่าคุณคงจะไม่มีงานอดิเรก หรือสิ่งที่สนใจแบบเดียวกันกับคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ไปซะทุกเรื่องทั้งหมด แต่อย่างไร ก็ตาม การที่มีงานอดิเรก หรือสิ่งที่สนใจร่วมกัน ช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้อย่างแน่นอน เมื่อทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยๆ สายสัมพันธ์ก็ย่อมแนบแน่น แน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และคุยกันได้อย่างสนุก เพราะสนใจเรื่องเดียวกัน
7. ความขัดแย้งกัน
แม้แต่คู่รักที่สมบูรณ์แบบที่สุด ก็ต้องจัดการปัญหาเรื่องความขัดแย้งร่วมกัน ซึ่งความขัดแย้งมักจะมีเข้ามาเรื่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ บ้าง ใหญ่ๆ บ้าง คุณและคนรัก จะได้ค่อยๆ เรียนรู้ วิธีที่ดีที่สุด ที่จะจัดการความขัดแย้ง หรือโต้เถียงกันให้มีความพอดี บางครั้งก็ต้องลดอารมณ์โกรธลงไป และเปลี่ยนไปเป็นพยายามทำความเข้าใจคนรัก เพื่อให้ ปัญหาลุกลามใหญ่โต พูดคุยกันอย่างใจเย็นๆ และถ้าคนรัก หรือคนที่คบกันอยู่ ไม่สนใจความรู้สึกคุณ ว่าจะเป็นยังไง... บางทีคุณกับเขาหรือเธอ ก็อาจจะยังไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกัน
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=674
ความเสียใจที่มองจากคนละมุม
หลังจากอ่านแต่เรื่องรักๆใคร่ๆกันมาพักนึงแล้ววันนี้ผมขอออกนอกเรื่องสักวัน เพราะนอกจากความรักแล้วการงานก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการมีชีวิตอยู่ คุณๆที่เป็นแฟนประจำของคอลัมน์นี้ผมว่าส่วนใหญ่ก็อยู่ในวัยทำงาน จะทำมานานแล้วหรือว่าอาจจะเพิ่งทำ อาจจะยังหางานทำไม่ได้หรืออาจจะเพิ่งตกงานจากพิษเศรษฐกิจ วันนี้ผมรูปแบบของความเสียใจในการสมัครงาน ที่คุณอาจจะเคยรู้สึกกันมาก่อนหรือบางคนที่สมัครงานครั้งเดียวหรือสมัครงานที่ไหนก็ได้ตลอดก็คงจะไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ มีหลายคนบอกว่าให้อยู่อย่างมีความหวังแต่บางครั้งคนเราก็เจ็บปวดจากความหวัง เหมือนกับคำว่า ยิ่งคาดหวังยิ่งเจ็บปวด ความเสียใจที่ใครก็ห้ามไม่ได้
สำหรับคนที่ตกรอบแรก อยากได้โอกาสจัง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยตกรอบแรกซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจบใหม่ ระบุกันว่าต้องการคนมีประสบการณ์ แล้วถ้าพวกคุณไม่ให้โอกาสพวกผมได้ทำ แล้วพวกผมจะไปหาคำว่าประสบการณ์มาจากไหนล่ะครับ
คนที่ตกรอบสอง ทำดีที่สุดแล้วแต่เค้าไม่ชอบเรา ดีใจจังผ่านรอบแรกมาแล้ว อ้าว แต่ดันตกรอบสอง ผมว่าคงมีหลายๆคนที่ บนบานเอาไว้ว่าถ้าจะไม่ได้งานนี้ขอให้ตกตั้งแต่รอบแรก อย่าให้ผ่านเข้ามาเลย แต่นี่ดันผ่านรอบแรก แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันซะนี่ แล้วให้ผ่านมาทำไมหนอ คนที่ตกรอบสุดท้าย ทำอะไรผิดหว่า อุตสาห์ได้เข้ามาถึงรอบสุดท้ายแล้ว ดันมาตกอะไรก็ไม่รู้ ตกสอบข้อเขียนหรือว่าอะไรไม่เจ็บใจเท่าตกรอบสุดท้ายซึ่งต้องพบกับนายใหญ่สุด หลายๆบริษัทที่ผมว่ามีหลักเหมือนกันคือให้หัวหน้าหรือเจ้าของบริษัทเป็นคน
สัมภาษณ์คนสุดท้าย แล้วบางทีก็มีคนตกรอบด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ถูกชะตา เอ่อ....ผมว่า ควรจะมีการระบุลักษณะโหงวเฮ้งของผู้สมัครไว้ล่างหน้าดีกว่าไหมครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสมัครหรือจะได้ไปทำศัลยกรรมกันมาก่อน
ได้แล้วแต่ไม่รู้เริ่มงานเมื่อไร บางบริษัทมีการรับคนไปเป็นจำนวนมากแล้วค่อยๆทยอยเรียกอบรม บริษัทต่างชาติบางครั้งก็ไม่สามารถระบุว่าคุณจะเริ่มงานได้เมื่อไร คนที่ไม่โดนเรียกเทรน ต้องรออีกนานเท่าไร สามเดือน หกเดือน หรืออีกหนึ่งปี สุดท้ายก็ผิดหวัง เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของใคร น่าเป็นความผิดเชิงนโยบายการรับคนนะครับที่ทำให้พวกผมต้องรออย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คือจุดจบ
ระบุดีไหมว่าเส้นอย่างเดียว บางบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่โตและเป็นที่ต้องการของตลาด ระบุเลยดีไหมครับว่าเส้นต้องใหญ่หรือว่ามีเส้นเท่านั้นถึงจะสมัครได้ ท่านรู้กันบ้างไหมครับว่าเด็กตาสีตาสาที่เค้าไม่มีเส้นแต่ก็มีความฝันที่อยากจะร่วมงานด้วย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กเส้นที่พอเข้าไปทำงานแล้วก็ทำงานแบบไม่เต็มใจ แต่ก็อย่างว่าว่าระบบเส้นสายมันแทรกซึมในทุกวงการ
ยกเลิกนาทีสุดท้าย ผ่านทุกอย่างแม้กระทั่งการตรวจสุขภาพ กระเป๋าเดินทางพร้อมที่จะไปอบรมต่างประเทศ แต่บริษัทก็โทรมายกเลิกก่อนวันเดินทางด้วยเหตุผลนานา ประการ ส่วนมากก็ลาออกจากที่เก่าแล้วทั้งนั้นเพราะนึกว่าจะได้เริ่มงานใหม่ สุดท้ายก็ผิดหวัง เศร้าเกินคำบรรยายครับ
ไม่ว่าใครที่ตกรอบไหนก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นความเสียใจที่มองจากคนละมุม ผมก็เคยผิดหวังเกือบครบทุกอย่างที่เขียนมาแต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคุณผู้อ่านก็คือ ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง ถ้าเราผิดหวังไปแล้ว เราก็สร้างความหวังอันใหม่ขึ้นมาทดแทนสิครับ ถ้าเราเดินตรงไปยังจุดหมายไม่ได้ ก็ให้มองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง อาจจะเป็นที่เรายังไม่พร้อมหรือยังดีไม่พอ บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องของดวงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเสียไม่ได้ จำไว้ว่าถ้าเราจะทำตามความฝัน และยังไม่สามารถเดินไปยังจุดหมายได้โดยตรงก็ลองเดินอ้อมไปสิครับ อาจจะช้าหน่อยเหนื่อยบ้าง แต่วันที่คุณถึงเส้นชัย มันคือวันที่คุณมีความสุขจากชัยชนะจากความสามารถของคุณเอง เป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคนครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=677
สำหรับคนที่ตกรอบแรก อยากได้โอกาสจัง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยตกรอบแรกซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจบใหม่ ระบุกันว่าต้องการคนมีประสบการณ์ แล้วถ้าพวกคุณไม่ให้โอกาสพวกผมได้ทำ แล้วพวกผมจะไปหาคำว่าประสบการณ์มาจากไหนล่ะครับ
คนที่ตกรอบสอง ทำดีที่สุดแล้วแต่เค้าไม่ชอบเรา ดีใจจังผ่านรอบแรกมาแล้ว อ้าว แต่ดันตกรอบสอง ผมว่าคงมีหลายๆคนที่ บนบานเอาไว้ว่าถ้าจะไม่ได้งานนี้ขอให้ตกตั้งแต่รอบแรก อย่าให้ผ่านเข้ามาเลย แต่นี่ดันผ่านรอบแรก แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันซะนี่ แล้วให้ผ่านมาทำไมหนอ คนที่ตกรอบสุดท้าย ทำอะไรผิดหว่า อุตสาห์ได้เข้ามาถึงรอบสุดท้ายแล้ว ดันมาตกอะไรก็ไม่รู้ ตกสอบข้อเขียนหรือว่าอะไรไม่เจ็บใจเท่าตกรอบสุดท้ายซึ่งต้องพบกับนายใหญ่สุด หลายๆบริษัทที่ผมว่ามีหลักเหมือนกันคือให้หัวหน้าหรือเจ้าของบริษัทเป็นคน
สัมภาษณ์คนสุดท้าย แล้วบางทีก็มีคนตกรอบด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ถูกชะตา เอ่อ....ผมว่า ควรจะมีการระบุลักษณะโหงวเฮ้งของผู้สมัครไว้ล่างหน้าดีกว่าไหมครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสมัครหรือจะได้ไปทำศัลยกรรมกันมาก่อน
ได้แล้วแต่ไม่รู้เริ่มงานเมื่อไร บางบริษัทมีการรับคนไปเป็นจำนวนมากแล้วค่อยๆทยอยเรียกอบรม บริษัทต่างชาติบางครั้งก็ไม่สามารถระบุว่าคุณจะเริ่มงานได้เมื่อไร คนที่ไม่โดนเรียกเทรน ต้องรออีกนานเท่าไร สามเดือน หกเดือน หรืออีกหนึ่งปี สุดท้ายก็ผิดหวัง เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของใคร น่าเป็นความผิดเชิงนโยบายการรับคนนะครับที่ทำให้พวกผมต้องรออย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คือจุดจบ
ระบุดีไหมว่าเส้นอย่างเดียว บางบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่โตและเป็นที่ต้องการของตลาด ระบุเลยดีไหมครับว่าเส้นต้องใหญ่หรือว่ามีเส้นเท่านั้นถึงจะสมัครได้ ท่านรู้กันบ้างไหมครับว่าเด็กตาสีตาสาที่เค้าไม่มีเส้นแต่ก็มีความฝันที่อยากจะร่วมงานด้วย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กเส้นที่พอเข้าไปทำงานแล้วก็ทำงานแบบไม่เต็มใจ แต่ก็อย่างว่าว่าระบบเส้นสายมันแทรกซึมในทุกวงการ
ยกเลิกนาทีสุดท้าย ผ่านทุกอย่างแม้กระทั่งการตรวจสุขภาพ กระเป๋าเดินทางพร้อมที่จะไปอบรมต่างประเทศ แต่บริษัทก็โทรมายกเลิกก่อนวันเดินทางด้วยเหตุผลนานา ประการ ส่วนมากก็ลาออกจากที่เก่าแล้วทั้งนั้นเพราะนึกว่าจะได้เริ่มงานใหม่ สุดท้ายก็ผิดหวัง เศร้าเกินคำบรรยายครับ
ไม่ว่าใครที่ตกรอบไหนก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นความเสียใจที่มองจากคนละมุม ผมก็เคยผิดหวังเกือบครบทุกอย่างที่เขียนมาแต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคุณผู้อ่านก็คือ ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง ถ้าเราผิดหวังไปแล้ว เราก็สร้างความหวังอันใหม่ขึ้นมาทดแทนสิครับ ถ้าเราเดินตรงไปยังจุดหมายไม่ได้ ก็ให้มองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง อาจจะเป็นที่เรายังไม่พร้อมหรือยังดีไม่พอ บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องของดวงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเสียไม่ได้ จำไว้ว่าถ้าเราจะทำตามความฝัน และยังไม่สามารถเดินไปยังจุดหมายได้โดยตรงก็ลองเดินอ้อมไปสิครับ อาจจะช้าหน่อยเหนื่อยบ้าง แต่วันที่คุณถึงเส้นชัย มันคือวันที่คุณมีความสุขจากชัยชนะจากความสามารถของคุณเอง เป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคนครับ
โกรธได้ แต่ห้าม...........?
การทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ในสังคม ที่มีความคิดเห็นและทัศนคติ รวมถึงความยึดมั่นที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์มากกว่า 1 คนต้องใช้ชีวิตในที่ใดที่หนึ่งร่วมกัน ดังนั้นการใช้ชีวิตคู่จึงหลีกไม่พ้นที่จะพบเจอสงครามจิตฯ ชนิดนี้ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน จะทำได้ก็แค่เพียงผ่อนหนักให้เป็นเบา ถ้าฝ่ายหนึ่งกำลังเดือด และอีกฝ่ายกำลังเย็น ก็ยังไม่ค่อยเท่าไร แต่ยิ่งหากครั้งไหนเกิดเดือดปุดๆๆขึ้นมาพร้อมกันทั้งคู่แล้วล่ะก็ จงตั้งสติให้ดี แล้วทำตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัดเวลาโกรธกับคู่รักของคุณ
1. ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต
บ่อยครั้งเวลาที่คนเราเกิดทะเลาะกับคนที่เรารัก เรามักจะรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดีแล้วที่ชั้นจะได้ระบายความคับข้องใจออกมาให้หมด รวมถึงรอยแผลเก่าและบุญคุณในอดีต เอาให้อีกฝ่ายยอมจำนนไปเลย เพื่อความสะใจ ให้มันรู้ซะบ้างว่าชั้นทนมานานแล้ว! ….แต่นั่นเป็นความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง อย่าบั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน หรือทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเลยครับ ถ้าอดไม่ได้ที่จะรำลึกความหลัง ก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของอีกฝ่ายต่างหาก แล้วจะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่’เย็นลง’เยอะเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมในขั้นของ ‘มโนกรรม’ก่อนที่จะลุกลามไปถึง ข้อ 2
2. ไม่ขึ้นเสียง!
มาถึงขั้นของวจีกรรมแล้ว….ตอนสมัยวัยรุ่นคุณคงเคยทะเลาะกับเพื่อนมาบ้าง แล้วจำได้ไหมครับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ใช่แล้วครับ! ส่วนใหญ่ตอนแรกก็จากค่อนแคะเหน็บแนมกันธรรมดา แต่พอผ่านไปสัก 4-5ประโยค ต่างฝ่ายต่างเริ่มเร่ง Volume เพื่อให้เสียงของตัวเองดังกว่า…..ผลก็คือการเป็นการตะโกนและตวาดกันไปมา! ซึ่งในทางจิตวิทยาแล้วเนี่ย เป็นการกระตุ้นสัญชาติญาณ ‘Fight or Flight ‘ของอีกฝ่ายให้รุนแรงมากขึ้น เพื่อปกป้องตัวเอง และกว่าจะมารู้ตัวอีกที ก็ระเบิดออกมาทั้งคู่จนใครๆก็ยั้งไม่อยู่แล้ว! อีกทั้งคำพูดแต่ละคำที่ผรุสวาทออกมา ก็เชือดเฉือนได้บาดลึกซะไม่มี เพราะไม่ได้กลั่นกรองเซ็นเซอร์ผ่านสมองออกมาเสียก่อน สาดโคลนกันจนเละทั้งสองฝ่าย สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ จนนำไปสู่ข้อ 3
3. ไม่ลงไม้ลงมือ
อันนี้สืบเนื่องมาจากข้อ 2 เลยครับ…..เมื่อเกิดบันดาลโทสะขึ้นมาทางวาจาแล้ว ก็แหม…คำพูดมันก็มีขีดจำกัดของมัน ต่อให้รุนแรงแค่ไหน เมื่อปรี๊ดดดถึงจุดๆหนึ่ง อารมณ์มันก็อยากจะแสดงออกมาทางกายาบ้างแล้ว….สมัยนี้ผู้ชายหลายๆคน ใช่ว่าจะมีความศิวิไลซ์ตามยุคไฮเทคไปด้วย ถึงแม้โลกจะพัฒนาไปแค่ไหน แต่สันดาน เอ๊ย! สัญชาติญาณดิบที่ฝังอยู่ใน DNA มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ก็มีพลังมากซะจนลงไม้ลงมือ ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันให้เห็นอยู่เนืองๆ ไม่เว้นแม้แต่คนในวงการบันเทิง ที่มีรูปฝ่ายหญิงตาบวม เลือดสาดออกมาให้เห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนัก ทั้งๆที่แรกเริ่มความสัมพันธ์ก็สวีทหวานแหววกันดี…..เอาเป็นว่าข้อนี้ขอฝากชายหนุ่มไว้ด้วยก็แล้วกันครับ อย่าเห็นคนรักของคุณเป็นกระสอบทรายเป็นอันขาด! ให้นึกถึงตอนที่คุณเริ่มจีบเธอใหม่ๆ ว่าเธอน่าทะนุถนอมแค่ไหน ขนาดแมลงตัวเดียวคุณยังไม่ยอมให้มากัดเธอเลย จำได้ไหมครับ!?
4. ไม่ทวงบุญคุณ
สิ่งดีๆที่คุณเคยทำให้อีกฝ่ายมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด จะเป็นสิ่งของหรือการช่วยเหลือใดๆ จะเป็นสิ่งอยู่ในใจของเขาหรือเธอไปตราบนานเท่านาน…..แต่ถ้าหากเกิดการทวงบุญคุณกันขึ้นมาแล้วล่ะก็ ความทรงจำในเรื่องเหล่านั้น ดูเหมือนจะอันตธานหายไปทันที! เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘บุญคุณทวง = บุญคุณหายกัน’ ดังนั้นอย่าทวงของมีค่า หรือทวงความดีคืนเลยครับ มันจะไม่คุ้มกับที่อุตส่าห์ทำมา เพราะความรักเป็นสิ่งที่ตีเป็นมูลค่าไม่ได้
5. ไม่งอนข้ามคืน
ปัญหาหรือข้อสงสัยในการทำงานทั่วไป เมื่อคุณเก็บเอาไว้ในใจ พอวันรุ่งขึ้นตื่นมา อาจมีคำตอบดีๆแวบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงเรื่องของความโกรธ ซึ่งเป็นอารมณ์ที่รุนแรงที่สุดของมนุษย์ ลองมันเกิดขึ้นแล้วล่ะก็ ต้องรีบหาทางกำจัดมันออกไปโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ความคิดในทางลบทั้งหลายจะตามมาเป็นพรวน ยิ่งในเวลานอนด้วยแล้วล่ะก็ คุณทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้ นอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้ว คู่กรณี เอ๊ย! คู่รักของคุณก็จะพลอยหลับไม่ลงไปด้วย เหมือนมีเมฆหมอกมาคุปกคลุมห้องนอนอยู่….ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าเพิ่งนอนเลยครับ ถ้าจะนอนก็นอนหันหน้าเข้าหากัน แล้วพูดคุยกันให้เข้าใจก่อนดีกว่า หากต่างฝ่ายยังมีเยื่อใยกันอยู่จริง บทรักที่เผ็ดร้อนก็อาจจะตามมา เป็นยารักษาความโกรธได้ชะงัดทีเดียวครับ และคืนนั้นก็อาจกลายเป็นค่ำคืนที่แสนสุขขึ้นมาแทนก็ได้ครับ?
6. ไม่บอกเลิก
ถ้าจะขอเลิก ก็ขอเลิกสู้รบปรบมือกันดีกว่าครับ อย่าเผลอไปท้าทายขอเลิกหรือหย่าร้างกันเด็ดขาด สมัยนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่จะรักศักดิ์ศรีของตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าลองมาท้าให้เลิก ครั้งแรกๆอาจจะได้ผลอยู่ แต่ในระหว่างนั้น รอยร้าวได้เกิดขึ้นแล้ว! ไม่มีใครทนให้ดูถูกได้ตลอดไปหรอกครับ เขาหรือเธอต้องเลิกกับคุณเข้าจริงๆซักวัน.....กล่าวคือ ใน 4 ข้อข้างต้นที่กล่าวมานั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ยังพอที่จะประคองความสัมพันธ์ไปต่อได้ แต่ในข้อนี้หรือการบอกเลิกกันนั้น เรียกว่าเป็น Ultimatum หรือคำขาดเลยทีเดียว ซึ่งมักจะทำให้คุณต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะตอนที่พูดนั้นคุณก็แค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น….ดังนั้น ข้อนี้สำคัญที่สุดเลย กลับคำเสีย อย่าเอ่ยมันออกมา คำบางคำนั้นแรงเกินไป (ยืมเนื้อเพลงมาหน่อย ฮา) ห้ามบอกเลิกกันเด็ดขาด!
นั่นแหละครับ คำแนะนำยามโกรธกันระหว่างคู่รัก ที่ทีมงานนำมาฝากกัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ อารมณ์ก็มักจะอยู่เหนือสติ ดังนั้นหลายๆ คู่ที่มีความตั้งใจและจริงจังในการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างแท้จริง (หรือมี Commitment) จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อน ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ ว่าทั้งคู่จะไม่โกรธพร้อมกัน ถ้าอีกฝ่ายกำลังร้อน อีกฝ่ายต้องเย็น และต้องไม่รื้อฟื้นอดีต ไม่ลงไม้ลงมือ ไม่โกรธข้ามคืน รวมถึงข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ท้าทายให้เลิกกัน ซึ่งการทำข้อตกลงแบบนี้ จะช่วยเตือนสติได้มาก และทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืน ราบรื่นขึ้นเยอะทีเดียวครับ…….ส่วนคู่ไหนที่โกรธกันแล้ว หลังจากไฟโกรธดับมอดลง ก็จงมองมันให้เป็นโอกาสในการพัฒนาความรักที่มีต่อกันให้แน่นแฟ้นขึ้น In Peace & In Love ด้วยนะคร๊าบบบบ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=680
1. ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต
บ่อยครั้งเวลาที่คนเราเกิดทะเลาะกับคนที่เรารัก เรามักจะรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดีแล้วที่ชั้นจะได้ระบายความคับข้องใจออกมาให้หมด รวมถึงรอยแผลเก่าและบุญคุณในอดีต เอาให้อีกฝ่ายยอมจำนนไปเลย เพื่อความสะใจ ให้มันรู้ซะบ้างว่าชั้นทนมานานแล้ว! ….แต่นั่นเป็นความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง อย่าบั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน หรือทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเลยครับ ถ้าอดไม่ได้ที่จะรำลึกความหลัง ก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของอีกฝ่ายต่างหาก แล้วจะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่’เย็นลง’เยอะเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมในขั้นของ ‘มโนกรรม’ก่อนที่จะลุกลามไปถึง ข้อ 2
2. ไม่ขึ้นเสียง!
มาถึงขั้นของวจีกรรมแล้ว….ตอนสมัยวัยรุ่นคุณคงเคยทะเลาะกับเพื่อนมาบ้าง แล้วจำได้ไหมครับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ใช่แล้วครับ! ส่วนใหญ่ตอนแรกก็จากค่อนแคะเหน็บแนมกันธรรมดา แต่พอผ่านไปสัก 4-5ประโยค ต่างฝ่ายต่างเริ่มเร่ง Volume เพื่อให้เสียงของตัวเองดังกว่า…..ผลก็คือการเป็นการตะโกนและตวาดกันไปมา! ซึ่งในทางจิตวิทยาแล้วเนี่ย เป็นการกระตุ้นสัญชาติญาณ ‘Fight or Flight ‘ของอีกฝ่ายให้รุนแรงมากขึ้น เพื่อปกป้องตัวเอง และกว่าจะมารู้ตัวอีกที ก็ระเบิดออกมาทั้งคู่จนใครๆก็ยั้งไม่อยู่แล้ว! อีกทั้งคำพูดแต่ละคำที่ผรุสวาทออกมา ก็เชือดเฉือนได้บาดลึกซะไม่มี เพราะไม่ได้กลั่นกรองเซ็นเซอร์ผ่านสมองออกมาเสียก่อน สาดโคลนกันจนเละทั้งสองฝ่าย สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ จนนำไปสู่ข้อ 3
3. ไม่ลงไม้ลงมือ
อันนี้สืบเนื่องมาจากข้อ 2 เลยครับ…..เมื่อเกิดบันดาลโทสะขึ้นมาทางวาจาแล้ว ก็แหม…คำพูดมันก็มีขีดจำกัดของมัน ต่อให้รุนแรงแค่ไหน เมื่อปรี๊ดดดถึงจุดๆหนึ่ง อารมณ์มันก็อยากจะแสดงออกมาทางกายาบ้างแล้ว….สมัยนี้ผู้ชายหลายๆคน ใช่ว่าจะมีความศิวิไลซ์ตามยุคไฮเทคไปด้วย ถึงแม้โลกจะพัฒนาไปแค่ไหน แต่สันดาน เอ๊ย! สัญชาติญาณดิบที่ฝังอยู่ใน DNA มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ก็มีพลังมากซะจนลงไม้ลงมือ ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันให้เห็นอยู่เนืองๆ ไม่เว้นแม้แต่คนในวงการบันเทิง ที่มีรูปฝ่ายหญิงตาบวม เลือดสาดออกมาให้เห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนัก ทั้งๆที่แรกเริ่มความสัมพันธ์ก็สวีทหวานแหววกันดี…..เอาเป็นว่าข้อนี้ขอฝากชายหนุ่มไว้ด้วยก็แล้วกันครับ อย่าเห็นคนรักของคุณเป็นกระสอบทรายเป็นอันขาด! ให้นึกถึงตอนที่คุณเริ่มจีบเธอใหม่ๆ ว่าเธอน่าทะนุถนอมแค่ไหน ขนาดแมลงตัวเดียวคุณยังไม่ยอมให้มากัดเธอเลย จำได้ไหมครับ!?
4. ไม่ทวงบุญคุณ
สิ่งดีๆที่คุณเคยทำให้อีกฝ่ายมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด จะเป็นสิ่งของหรือการช่วยเหลือใดๆ จะเป็นสิ่งอยู่ในใจของเขาหรือเธอไปตราบนานเท่านาน…..แต่ถ้าหากเกิดการทวงบุญคุณกันขึ้นมาแล้วล่ะก็ ความทรงจำในเรื่องเหล่านั้น ดูเหมือนจะอันตธานหายไปทันที! เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘บุญคุณทวง = บุญคุณหายกัน’ ดังนั้นอย่าทวงของมีค่า หรือทวงความดีคืนเลยครับ มันจะไม่คุ้มกับที่อุตส่าห์ทำมา เพราะความรักเป็นสิ่งที่ตีเป็นมูลค่าไม่ได้
5. ไม่งอนข้ามคืน
ปัญหาหรือข้อสงสัยในการทำงานทั่วไป เมื่อคุณเก็บเอาไว้ในใจ พอวันรุ่งขึ้นตื่นมา อาจมีคำตอบดีๆแวบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงเรื่องของความโกรธ ซึ่งเป็นอารมณ์ที่รุนแรงที่สุดของมนุษย์ ลองมันเกิดขึ้นแล้วล่ะก็ ต้องรีบหาทางกำจัดมันออกไปโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ความคิดในทางลบทั้งหลายจะตามมาเป็นพรวน ยิ่งในเวลานอนด้วยแล้วล่ะก็ คุณทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้ นอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้ว คู่กรณี เอ๊ย! คู่รักของคุณก็จะพลอยหลับไม่ลงไปด้วย เหมือนมีเมฆหมอกมาคุปกคลุมห้องนอนอยู่….ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าเพิ่งนอนเลยครับ ถ้าจะนอนก็นอนหันหน้าเข้าหากัน แล้วพูดคุยกันให้เข้าใจก่อนดีกว่า หากต่างฝ่ายยังมีเยื่อใยกันอยู่จริง บทรักที่เผ็ดร้อนก็อาจจะตามมา เป็นยารักษาความโกรธได้ชะงัดทีเดียวครับ และคืนนั้นก็อาจกลายเป็นค่ำคืนที่แสนสุขขึ้นมาแทนก็ได้ครับ?
6. ไม่บอกเลิก
ถ้าจะขอเลิก ก็ขอเลิกสู้รบปรบมือกันดีกว่าครับ อย่าเผลอไปท้าทายขอเลิกหรือหย่าร้างกันเด็ดขาด สมัยนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่จะรักศักดิ์ศรีของตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าลองมาท้าให้เลิก ครั้งแรกๆอาจจะได้ผลอยู่ แต่ในระหว่างนั้น รอยร้าวได้เกิดขึ้นแล้ว! ไม่มีใครทนให้ดูถูกได้ตลอดไปหรอกครับ เขาหรือเธอต้องเลิกกับคุณเข้าจริงๆซักวัน.....กล่าวคือ ใน 4 ข้อข้างต้นที่กล่าวมานั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ยังพอที่จะประคองความสัมพันธ์ไปต่อได้ แต่ในข้อนี้หรือการบอกเลิกกันนั้น เรียกว่าเป็น Ultimatum หรือคำขาดเลยทีเดียว ซึ่งมักจะทำให้คุณต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะตอนที่พูดนั้นคุณก็แค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น….ดังนั้น ข้อนี้สำคัญที่สุดเลย กลับคำเสีย อย่าเอ่ยมันออกมา คำบางคำนั้นแรงเกินไป (ยืมเนื้อเพลงมาหน่อย ฮา) ห้ามบอกเลิกกันเด็ดขาด!
นั่นแหละครับ คำแนะนำยามโกรธกันระหว่างคู่รัก ที่ทีมงานนำมาฝากกัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ อารมณ์ก็มักจะอยู่เหนือสติ ดังนั้นหลายๆ คู่ที่มีความตั้งใจและจริงจังในการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างแท้จริง (หรือมี Commitment) จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อน ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ ว่าทั้งคู่จะไม่โกรธพร้อมกัน ถ้าอีกฝ่ายกำลังร้อน อีกฝ่ายต้องเย็น และต้องไม่รื้อฟื้นอดีต ไม่ลงไม้ลงมือ ไม่โกรธข้ามคืน รวมถึงข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ท้าทายให้เลิกกัน ซึ่งการทำข้อตกลงแบบนี้ จะช่วยเตือนสติได้มาก และทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืน ราบรื่นขึ้นเยอะทีเดียวครับ…….ส่วนคู่ไหนที่โกรธกันแล้ว หลังจากไฟโกรธดับมอดลง ก็จงมองมันให้เป็นโอกาสในการพัฒนาความรักที่มีต่อกันให้แน่นแฟ้นขึ้น In Peace & In Love ด้วยนะคร๊าบบบบ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=680
ทำใจได้ไหม……ถ้าคนรักคุณมีอดีตแบบนี้
“มีความลับที่อยู่ในใจ มีความลับที่อยู่ข้างใน เป็นความลับที่ยังเปิดเผยไม่ได้” (ความลับในใจ-สิบล้อ) คุ้นๆกันบ้างไหมครับเพลงนี้ (เพลงเก่าอีกแล้ว เอาน่าไปลองหามาฟังกัน) ความลับไม่มีในโลก คำๆนี้ใช้ได้ตามละครน้ำเน่าที่มีให้ดูกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นตัวพระเอกหรือนางเอกต้องบังเอิญไปได้ยินความลับของอีกฝ่ายเข้า เวลาตัวร้ายใส่ร้ายก็ต้องมีคนไปได้ยิน แล้วถ้าเกิดเป็นตัวคุณล่ะ คุณจะทำใจได้ไหม ผมมีคำถามมาถามคุณผู้อ่านเล่นๆครับว่า ถ้าเกิดคุณรักใครซักคนอย่างมากมาย แล้ววันหนึ่งคุณเกิดไปรู้ความลับบางอย่างของเขาเค้า คุณจะทำใจกับความลับเหล่านี้ได้หรือไม่ ผมหาตัวอย่างมาให้คุณผู้อ่านแล้วครับ มีทั้งของผู้ชายและผู้หญิงนะครับ
ผู้หญิง1 “ทำร้ายพ่อแม่ ถ้ารู้ว่ามีเรื่องแบบนี้จะรับไม่ได้เลย ขนาดพ่อแม่ตัวเองยังกล้าทำแบบนี้ได้แล้วตัวเราจะไม่โดนเหรอ”
ผู้หญิง2 “ติดการพนัน ถ้าเลิกแล้วก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าระหว่างคบกันอยู่แล้วจับได้ว่ากลับไปติดอีก ก็คงต้องเลิกเพราะไม่อยากให้ชีวิตพังตามเค้าไปด้วย”
ผู้หญิง3 “มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดจากความตั้งใจ ถ้ารู้ก็จะถามเหตุผลที่เค้าทำ ถ้าขับรถชนคนตาย แต่เป็นเพราะอุบัติเหตุก็จะให้อภัย แต่ถ้าเกิดมีคดีฆ่าคนตายเพราะโทสะ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตัวเราก็อาจจะเป็นอันตรายได้”
ผู้หญิงรวม(คำตอบที่ได้มากที่สุด) “มีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเกย์เป็นไบเป็นรุกหรือเป็นรับก็รับไม่ได้ ถ้าได้ยินมาก็จะเกิดความระแวง และหาทางจับผิดหรือพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าพิสูจน์แล้วว่าไม่มีอะไรก็โอเค บางคนก็อาจจะอยู่อย่างหวาดระแวงและไม่มีความสุขอีกต่อไป จนเป็นสาเหตุของการเลิกกัน”
ผู้ชาย1 “เป็นผู้ชายครับ ถ้ารู้ว่าแฟนตัวเองเคยเป็นผู้ชายมาก่อน เลิกครับ เลิกแน่ๆ รับไม่ได้จริง”
ผู้ชาย2 “ทิ้งลูก คุณอาจจะเคยแต่งงานมาก่อนแล้วมีปัญหาครอบครัวเกิดการหย่าร้าง มันเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่ถ้าเกิดคุณมีลูกแล้วทิ้งๆขว้างๆลูกไม่สนใจ อันนี้รับไม่ได้เลยครับ”
แล้วตัวคุณผู้อ่านล่ะครับ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องแบบนี้ครับ ชีวิตคู่หรือความรักสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นความผิดเล็กน้อยหรือความผิดร้ายแรง แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลขึ้นอยู่กับกรณี สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อกับผู้อ่านก็คือ ถ้าคนที่คุณรักเคยทำสิ่งผิดพลาดในชีวิตมา แล้วคุณจะให้อภัยเค้าได้ไหม ถ้าเกิดตอนนี้ทั้งคุณและเค้าต่างก็รักกันมากแล้วเค้าก็สัญญาว่าเค้าปรับปรุงตัวแล้ว แล้วถ้าเกิดสิ่งที่คุณได้ยินมาไม่ใช่เรื่องจริงล่ะครับ เพราะข่าวสารกว่าจะส่งถึงปลายทางก็อาจจะมีการบิดเบือนกันได้ คุณจะหนักแน่นพอที่จะเชื่อใจคนที่คุณรักได้ไหม...ลองหาคำตอบกันดูนะครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=683
ผู้หญิง1 “ทำร้ายพ่อแม่ ถ้ารู้ว่ามีเรื่องแบบนี้จะรับไม่ได้เลย ขนาดพ่อแม่ตัวเองยังกล้าทำแบบนี้ได้แล้วตัวเราจะไม่โดนเหรอ”
ผู้หญิง2 “ติดการพนัน ถ้าเลิกแล้วก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าระหว่างคบกันอยู่แล้วจับได้ว่ากลับไปติดอีก ก็คงต้องเลิกเพราะไม่อยากให้ชีวิตพังตามเค้าไปด้วย”
ผู้หญิง3 “มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดจากความตั้งใจ ถ้ารู้ก็จะถามเหตุผลที่เค้าทำ ถ้าขับรถชนคนตาย แต่เป็นเพราะอุบัติเหตุก็จะให้อภัย แต่ถ้าเกิดมีคดีฆ่าคนตายเพราะโทสะ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตัวเราก็อาจจะเป็นอันตรายได้”
ผู้หญิงรวม(คำตอบที่ได้มากที่สุด) “มีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเกย์เป็นไบเป็นรุกหรือเป็นรับก็รับไม่ได้ ถ้าได้ยินมาก็จะเกิดความระแวง และหาทางจับผิดหรือพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าพิสูจน์แล้วว่าไม่มีอะไรก็โอเค บางคนก็อาจจะอยู่อย่างหวาดระแวงและไม่มีความสุขอีกต่อไป จนเป็นสาเหตุของการเลิกกัน”
ผู้ชาย1 “เป็นผู้ชายครับ ถ้ารู้ว่าแฟนตัวเองเคยเป็นผู้ชายมาก่อน เลิกครับ เลิกแน่ๆ รับไม่ได้จริง”
ผู้ชาย2 “ทิ้งลูก คุณอาจจะเคยแต่งงานมาก่อนแล้วมีปัญหาครอบครัวเกิดการหย่าร้าง มันเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่ถ้าเกิดคุณมีลูกแล้วทิ้งๆขว้างๆลูกไม่สนใจ อันนี้รับไม่ได้เลยครับ”
แล้วตัวคุณผู้อ่านล่ะครับ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องแบบนี้ครับ ชีวิตคู่หรือความรักสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นความผิดเล็กน้อยหรือความผิดร้ายแรง แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลขึ้นอยู่กับกรณี สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อกับผู้อ่านก็คือ ถ้าคนที่คุณรักเคยทำสิ่งผิดพลาดในชีวิตมา แล้วคุณจะให้อภัยเค้าได้ไหม ถ้าเกิดตอนนี้ทั้งคุณและเค้าต่างก็รักกันมากแล้วเค้าก็สัญญาว่าเค้าปรับปรุงตัวแล้ว แล้วถ้าเกิดสิ่งที่คุณได้ยินมาไม่ใช่เรื่องจริงล่ะครับ เพราะข่าวสารกว่าจะส่งถึงปลายทางก็อาจจะมีการบิดเบือนกันได้ คุณจะหนักแน่นพอที่จะเชื่อใจคนที่คุณรักได้ไหม...ลองหาคำตอบกันดูนะครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=683
หุบปากของคุณเถอะค่ะ!
แหม…จั่วหัวเรื่องไว้ซะอย่างกับสาวๆกำลังจะมีเรื่องกับใครเลยนะเนี่ย แต่มิใช่อย่างงั้นหรอกคร๊าบ เพื่อนๆชาวนัดเดททุกท่าน นั่นเป็นเพียงคำแนะนำของสาวๆให้สมาชิกนัดเดทหนุ่มๆทั้งหลาย หัดอมดอกพิกุลเอาไว้บ้าง เรียกว่าพยายามพูดแต่น้อย แต่ต่อยให้สลบ เพราะเมื่อพูดถึงการจีบสาวแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะรุ่นราวคราวใด การพูดจายิ่งน้อย ยิ่งได้พลอยเม็ดงามมากกว่าการจ้อไม่หยุด เราลองมาดูกันว่าข้อดี 6 ข้อของการ’หุบปาก’นั้น มีอะไรบ้าง
1. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งปล่อยไก่ยาก
ต้องยอมรับล่ะครับว่า สมัยนี้ผู้หญิงนั้นมีความรอบรู้ในหลายๆด้าน และเรื่องบางเรื่องพวกหล่อนก็รู้ดีมากกว่าชายเราซะอีก แล้วถ้าคุณเผลอปล่อยไก่หรือแสดงความโง่เขลาออกมาล่ะก็ คะแนนคุณดิ่งฮวบทันทีครับ
2. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งน่าเชื่อถือ
คุณลองสังเกตดูในที่ทำงานคุณก็ได้ครับ ว่าเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าคุณฟังความเห็นของใครมากกว่า ระหว่างคนที่ขี้เล่นเม๊าไปเรื่อย กับคนที่เงียบขรึม…โดยทั่วไปแล้ว คนเรามักจะเชื่อถือคนที่พูดเฉพาะเวลาจำเป็นมากกว่าครับ
3. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งดูลึกลับ
ลึกลับแล้วยังไงน่ะเหรอครับ? ก็ทำให้คุณยิ่งดูเป็นบุรุษผู้น่าค้นหายังไงล่ะครับ ยิ่งทำให้เธออยากเข้าหาและทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณให้มากขึ้น
4. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งมีพลัง
ผู้หญิงทั่วไปจะรู้สึกว่า ผู้ชายที่พูดมากเกินความจำเป็นเวลาที่จีบพวกหล่อนนั้น เป็นพวกที่ไม่มีความมั่นใจ และเกิดความประหม่าซะจนต้องพูดๆๆๆจนน้ำลายแตกฟอง ดังนั้นความเคร่งขรึมสุขุมของคุณ เป็นเครื่องบ่งบอกแทนคำพูดว่า ‘ผมไม่ประหม่าความสวยของคุณเลยแม้แต่น้อย!’ซึ่งมันแมนกว่ากันเยอะๆๆ
5. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งได้ข้อมูลมาก
ผู้หญิงส่วนใหญ่ทนความตึงเครียดอันเกิดจากบรรยากาศเงียบๆไม่ได้นานหรอกครับ ดังนั้นยิ่งคุณพูดน้อยเวลาอยู่กับเธอ เธอยิ่งเผยไต๋เกี่ยวกับตัวเองให้คุณฟัง และเก็บไว้เป็นข้อมูลได้มากเท่านั้น ทำให้คุณสามารถวิเคราะห์เธอได้ง่ายขึ้นครับ
6. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งต้องแก้ตัวน้อย
ไม่มีใครพูดความจริงได้ตลอดเวลาหรอกครับ ดังนั้นยิ่งคุณพูดน้อยเท่าไร คุณก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะต้องโกหก หรือเคยโกหกอะไรไปแล้วบ้าง เดี๋ยวเกิดจำไม่ได้ขึ้นล่ะก็ยุ่งตายเลยคร๊าบ
นั่นล่ะครับ ข้อดีมากมายของการพูดน้อย แต่ก็ต้องไม่เงียบจนเธอมองคุณเหมือนผีดิบ….เอาเป็นว่า พูดเฉพาะที่จำเป็น ให้ได้ใจความ สั้นๆแต่กระชับ และให้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ จนเธออยากจะเจอคุณบ่อยๆไงล่ะครับ
‘All action, no word!’
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=686
1. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งปล่อยไก่ยาก
ต้องยอมรับล่ะครับว่า สมัยนี้ผู้หญิงนั้นมีความรอบรู้ในหลายๆด้าน และเรื่องบางเรื่องพวกหล่อนก็รู้ดีมากกว่าชายเราซะอีก แล้วถ้าคุณเผลอปล่อยไก่หรือแสดงความโง่เขลาออกมาล่ะก็ คะแนนคุณดิ่งฮวบทันทีครับ
2. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งน่าเชื่อถือ
คุณลองสังเกตดูในที่ทำงานคุณก็ได้ครับ ว่าเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าคุณฟังความเห็นของใครมากกว่า ระหว่างคนที่ขี้เล่นเม๊าไปเรื่อย กับคนที่เงียบขรึม…โดยทั่วไปแล้ว คนเรามักจะเชื่อถือคนที่พูดเฉพาะเวลาจำเป็นมากกว่าครับ
3. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งดูลึกลับ
ลึกลับแล้วยังไงน่ะเหรอครับ? ก็ทำให้คุณยิ่งดูเป็นบุรุษผู้น่าค้นหายังไงล่ะครับ ยิ่งทำให้เธออยากเข้าหาและทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณให้มากขึ้น
4. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งมีพลัง
ผู้หญิงทั่วไปจะรู้สึกว่า ผู้ชายที่พูดมากเกินความจำเป็นเวลาที่จีบพวกหล่อนนั้น เป็นพวกที่ไม่มีความมั่นใจ และเกิดความประหม่าซะจนต้องพูดๆๆๆจนน้ำลายแตกฟอง ดังนั้นความเคร่งขรึมสุขุมของคุณ เป็นเครื่องบ่งบอกแทนคำพูดว่า ‘ผมไม่ประหม่าความสวยของคุณเลยแม้แต่น้อย!’ซึ่งมันแมนกว่ากันเยอะๆๆ
5. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งได้ข้อมูลมาก
ผู้หญิงส่วนใหญ่ทนความตึงเครียดอันเกิดจากบรรยากาศเงียบๆไม่ได้นานหรอกครับ ดังนั้นยิ่งคุณพูดน้อยเวลาอยู่กับเธอ เธอยิ่งเผยไต๋เกี่ยวกับตัวเองให้คุณฟัง และเก็บไว้เป็นข้อมูลได้มากเท่านั้น ทำให้คุณสามารถวิเคราะห์เธอได้ง่ายขึ้นครับ
6. ยิ่งพูดน้อย ยิ่งต้องแก้ตัวน้อย
ไม่มีใครพูดความจริงได้ตลอดเวลาหรอกครับ ดังนั้นยิ่งคุณพูดน้อยเท่าไร คุณก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะต้องโกหก หรือเคยโกหกอะไรไปแล้วบ้าง เดี๋ยวเกิดจำไม่ได้ขึ้นล่ะก็ยุ่งตายเลยคร๊าบ
นั่นล่ะครับ ข้อดีมากมายของการพูดน้อย แต่ก็ต้องไม่เงียบจนเธอมองคุณเหมือนผีดิบ….เอาเป็นว่า พูดเฉพาะที่จำเป็น ให้ได้ใจความ สั้นๆแต่กระชับ และให้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ จนเธออยากจะเจอคุณบ่อยๆไงล่ะครับ
‘All action, no word!’
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=686
หลงรักรุ่นพี่ ต้องทำยังไง?
จั่วหัวข้อไว้แบบนี้ ทีมงานเราไม่ได้หมายถึงสาวๆที่หลงรักชายรุ่นพี่นะครับ เพราะนั่นน่ะมันเรื่องปกติมาแต่นมนานกาเลแล้ว หากแต่เรื่องที่มักถูกมองข้ามไปและไม่ค่อยมีใครเปิดประเด็นขึ้นมา ทั้งๆที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ การที่ผู้ชายเราหลงรักสาวรุ่นพี่ (หรืออาจจะรุ่นน้าเลยก็ได้)......ประกอบกับพอดีช่วงนี้ ผมบังเอิญได้ฟังเพลง ‘พี่สาว’ ของจรัล มโนเพขร ( ’ปี้สาวคับ ตอนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วคับ ตอนนี้ผมฮักปี้แล้วคับ’ ลัลลาๆๆ ……แหมๆของแบบนี้ว่ากันไม่ได้นะครับ เพราะพวกเธอบางคนเสน่ห์เกินห้ามใจจริงๆ และสำหรับผู้ชายบางคน นี่ไม่ใช่แค่รสนิยมเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่เขากำหนดชัดเจนเลยว่า ต้องเป็นผู้หญิงอายุมากกว่าเท่านั้น ถึงจะมอบใจให้จริงๆ....ดังนั้นเราลองมาดูดีกว่า ว่าการเดทกับสาวรุ่นพี่ควรทำตัวอย่างไร ริจะปีนเกลียว ก็ต้องทำการบ้านกันหน่อย
1. จงเป็นตัวของตัวเอง
ไม่ต้องเกร็งครับๆ บรรดา’พี่สาว’เหล่านี้ ส่วนใหญ่ เค้าต้องรู้จากข้อมูลหรือหน้าตาของคุณอยู่แล้ว ว่าคุณน่ะ ‘ละอ่อนกว่า’ แต่พวกเธอก็ยังเต็มใจที่จะออกเดทกับคุณ พวกเธอมีความใจกว้างและอบอุ่นมากกว่าผู้หญิงรุ่นน้องด้วยซ้ำ ดังนั้นจงผ่อนคลาย สบายๆครับ ถ้าคุณอยากไปไหนที่เป็นความชอบส่วนตัว เช่นถ้าคุณเป็นพวกติสท์ๆ แล้วอยากไปหอศิลป์ ก็บอกเธอหรือพาเธอไปเลย ถ้าคุณอยากไปตกปลาตกหมึก ก็เต็มที่เลยครับ พวกเธอจะเอ็นดูและส่งเสริมแน่นอน
2. Respect
การให้เกียรติพวกเธอเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณจะเรียกเธอว่า ‘พี่’หรือไม่นั้น ไม่สำคัญ เพราะขึ้นอยู่กับความชอบของเธอแต่ละคน บางคนก็อยากให้เรียกชื่อเฉยๆก็พอ….แต่การให้เกียรติหมายถึง การไม่ล่วงเกินทางวาจา และร่างกาย อย่าเห็นเธอเป็นโคแก่ที่สิ้นหวัง จนต้องมาหากินหญ้าอ่อนอย่างคุณเด็ดขาด ก็อย่างที่บอกแล้วว่า ด้วยฐานะและความพร้อมของพวกเธอ เธอมีทางเลือกมากมายครับ ไม่ใช่ของตายแน่นอน!....เธอเลือกคุณเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่อาจจะชอบเป็นพิเศษก็เท่านั้น หากคุณไม่ตระหนักในจุดนี้ คุณอาจเสียสิ่งล้ำค่าไปก็ได้นะครับ
3. อย่าเปรียบเทียบ
อย่าเปรียบเทียบเธอกับสาวๆในรุ่นเดียวกับคุณ และห้ามเปรียบเทียบเธอกับแฟนเก่าของคุณเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องอายุ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย (หรือถึงจำเป็น ก็ไม่ควรพูดอยู่ดี!) ….พวกเธอมีดีในแบบของเธอเอง เช่นความมั่นคงในหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ ฯลฯ ดังนั้น เวลาเดทกับพวกเธอ คุณควรจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน และค้นหาสิ่งดีๆเหล่านั้น ทำให้เธอรู้ว่าคุณให้ความสำคัญกับเธอ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง การค้นหาตัวตนที่ซ่อนอยู่ของเธอ จะทำให้ชีวิตคุณมีสีสันขึ้นอีกเยอะเลยครับ
4. ทำใจในบางเรื่อง
เรื่องอะไรน่ะเหรอครับ? ก็มีเช่นเรื่องที่เธออาจจะเอาแต่ใจบ้างในบางครั้ง เพราะพวกเธอมีประสบการณ์มาก จึงรู้ความต้องการของตัวเอง และรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ควรไม่ควร ดังนั้นหากเธอแนะนำหรือเสนอให้ทำอะไรล่ะก็ เชื่อฟังไว้ดีกว่าครับ….นอกจากนี้ ก็อาจมีเรื่องแวดวงสังคมของพวกเธอด้วย เพราะคุณอาจจะกลายเป็นเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาไปเลย เมื่ออยู่กับบรรดาเพื่อนสนิทหรือเพื่อนร่วมงานของเธอ…รวมถึงเรื่องสายตาแปลกๆจากคนรอบข้าง….ซึ่งคุณจะเคยชินกับเรื่องกระจุกกระจิกเล็กน้อยเหล่านี้ไปเอง เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน….ดังนั้นจงมองในแง่ดีของความสัมพันธ์ (ที่มีมากกว่า) เข้าไว้ครับ
5. ใจเย็นๆ
ถ้าคุณจริงจังกับเธอ จงปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาไตร่ตรองพิจารณาไปก่อน และในระหว่างนี้คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณก็เอาจริงเหมือนกัน….เพราะพวกเธอส่วนใหญ่ ย่อมเคยมีความสัมพันธ์ที่ไปไม่รอดมาบ้างแล้วในอดีต ดังนั้น เธออาจจะยังลังเลที่จะร่วมหอหรือใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการกับใครอีก ความมุ่งมั่นและเสมอต้นเสมอปลายของคุณเท่านั้น ที่จะทลายกำแพงของเธอลงได้ครับ
ก็เอาเป็นว่า ลองเอาคำแนะนำดังกล่าวไปใช้ดูนะครับ แล้วก็ขอให้มีความมั่นใจ และจริงใจต่อความสัมพันธ์ก็พอ อายุเป็นเพียงตัวเลข เพราะโดยส่วนตัวผมเองแล้ว ก็ชอบผู้หญิงอายุมากกว่า และกำลังออกเดทกับ ‘พี่สาว’ อยู่เหมือนกัน (ฮ่าๆ) แล้วก็เห็นพี่ๆน้องๆหลายๆคู่ ที่ฝ่ายหญิงอายุมากกว่าฝ่ายชาย(เป็นสิบปีก็ยังมี) ก็มีความสุขในชีวิตคู่กันดี แฮปปี้หลายๆไปเลยครับ แล้วสมัยนี้ก็มีผู้หญิงหลายๆท่าน เปิดโอกาส ไม่ปิดกั้นตัวเองไว้เฉพาะกับชายที่แก่กว่าเท่านั้น ดังนั้น ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะไปหา’พี่สาว’เหล่านี้ได้ที่ไหน ลองหาในเว็บไซท์ Naddate ของเราก่อนเลยครับ โอกาสมาถึงแล้ว สู้เค้าๆๆๆ…. โชคดีเน้อ น้องจายยย!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=690
1. จงเป็นตัวของตัวเอง
ไม่ต้องเกร็งครับๆ บรรดา’พี่สาว’เหล่านี้ ส่วนใหญ่ เค้าต้องรู้จากข้อมูลหรือหน้าตาของคุณอยู่แล้ว ว่าคุณน่ะ ‘ละอ่อนกว่า’ แต่พวกเธอก็ยังเต็มใจที่จะออกเดทกับคุณ พวกเธอมีความใจกว้างและอบอุ่นมากกว่าผู้หญิงรุ่นน้องด้วยซ้ำ ดังนั้นจงผ่อนคลาย สบายๆครับ ถ้าคุณอยากไปไหนที่เป็นความชอบส่วนตัว เช่นถ้าคุณเป็นพวกติสท์ๆ แล้วอยากไปหอศิลป์ ก็บอกเธอหรือพาเธอไปเลย ถ้าคุณอยากไปตกปลาตกหมึก ก็เต็มที่เลยครับ พวกเธอจะเอ็นดูและส่งเสริมแน่นอน
2. Respect
การให้เกียรติพวกเธอเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณจะเรียกเธอว่า ‘พี่’หรือไม่นั้น ไม่สำคัญ เพราะขึ้นอยู่กับความชอบของเธอแต่ละคน บางคนก็อยากให้เรียกชื่อเฉยๆก็พอ….แต่การให้เกียรติหมายถึง การไม่ล่วงเกินทางวาจา และร่างกาย อย่าเห็นเธอเป็นโคแก่ที่สิ้นหวัง จนต้องมาหากินหญ้าอ่อนอย่างคุณเด็ดขาด ก็อย่างที่บอกแล้วว่า ด้วยฐานะและความพร้อมของพวกเธอ เธอมีทางเลือกมากมายครับ ไม่ใช่ของตายแน่นอน!....เธอเลือกคุณเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่อาจจะชอบเป็นพิเศษก็เท่านั้น หากคุณไม่ตระหนักในจุดนี้ คุณอาจเสียสิ่งล้ำค่าไปก็ได้นะครับ
3. อย่าเปรียบเทียบ
อย่าเปรียบเทียบเธอกับสาวๆในรุ่นเดียวกับคุณ และห้ามเปรียบเทียบเธอกับแฟนเก่าของคุณเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องอายุ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย (หรือถึงจำเป็น ก็ไม่ควรพูดอยู่ดี!) ….พวกเธอมีดีในแบบของเธอเอง เช่นความมั่นคงในหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ ฯลฯ ดังนั้น เวลาเดทกับพวกเธอ คุณควรจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน และค้นหาสิ่งดีๆเหล่านั้น ทำให้เธอรู้ว่าคุณให้ความสำคัญกับเธอ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง การค้นหาตัวตนที่ซ่อนอยู่ของเธอ จะทำให้ชีวิตคุณมีสีสันขึ้นอีกเยอะเลยครับ
4. ทำใจในบางเรื่อง
เรื่องอะไรน่ะเหรอครับ? ก็มีเช่นเรื่องที่เธออาจจะเอาแต่ใจบ้างในบางครั้ง เพราะพวกเธอมีประสบการณ์มาก จึงรู้ความต้องการของตัวเอง และรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ควรไม่ควร ดังนั้นหากเธอแนะนำหรือเสนอให้ทำอะไรล่ะก็ เชื่อฟังไว้ดีกว่าครับ….นอกจากนี้ ก็อาจมีเรื่องแวดวงสังคมของพวกเธอด้วย เพราะคุณอาจจะกลายเป็นเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาไปเลย เมื่ออยู่กับบรรดาเพื่อนสนิทหรือเพื่อนร่วมงานของเธอ…รวมถึงเรื่องสายตาแปลกๆจากคนรอบข้าง….ซึ่งคุณจะเคยชินกับเรื่องกระจุกกระจิกเล็กน้อยเหล่านี้ไปเอง เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน….ดังนั้นจงมองในแง่ดีของความสัมพันธ์ (ที่มีมากกว่า) เข้าไว้ครับ
5. ใจเย็นๆ
ถ้าคุณจริงจังกับเธอ จงปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาไตร่ตรองพิจารณาไปก่อน และในระหว่างนี้คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณก็เอาจริงเหมือนกัน….เพราะพวกเธอส่วนใหญ่ ย่อมเคยมีความสัมพันธ์ที่ไปไม่รอดมาบ้างแล้วในอดีต ดังนั้น เธออาจจะยังลังเลที่จะร่วมหอหรือใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการกับใครอีก ความมุ่งมั่นและเสมอต้นเสมอปลายของคุณเท่านั้น ที่จะทลายกำแพงของเธอลงได้ครับ
ก็เอาเป็นว่า ลองเอาคำแนะนำดังกล่าวไปใช้ดูนะครับ แล้วก็ขอให้มีความมั่นใจ และจริงใจต่อความสัมพันธ์ก็พอ อายุเป็นเพียงตัวเลข เพราะโดยส่วนตัวผมเองแล้ว ก็ชอบผู้หญิงอายุมากกว่า และกำลังออกเดทกับ ‘พี่สาว’ อยู่เหมือนกัน (ฮ่าๆ) แล้วก็เห็นพี่ๆน้องๆหลายๆคู่ ที่ฝ่ายหญิงอายุมากกว่าฝ่ายชาย(เป็นสิบปีก็ยังมี) ก็มีความสุขในชีวิตคู่กันดี แฮปปี้หลายๆไปเลยครับ แล้วสมัยนี้ก็มีผู้หญิงหลายๆท่าน เปิดโอกาส ไม่ปิดกั้นตัวเองไว้เฉพาะกับชายที่แก่กว่าเท่านั้น ดังนั้น ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะไปหา’พี่สาว’เหล่านี้ได้ที่ไหน ลองหาในเว็บไซท์ Naddate ของเราก่อนเลยครับ โอกาสมาถึงแล้ว สู้เค้าๆๆๆ…. โชคดีเน้อ น้องจายยย!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=690
ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ?
คำโบราณท่านว่าเอาไว้ เกลียดผู้ชายหรือผู้หญิงแบบไหน ก็มักจะต้องลงเอยครองคู่กับคนแบบนั้น....เรามาดูตรรกะเบื้องหลังที่แท้จริง ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอะไร และเราจะสามารถ”ฝืน”กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) ดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไร
ในหนังสือ ‘The Secret’ ของ Ronda Byrne ซึ่งได้กล่าวถึงเรื่องกฏแห่งแรงดึงดูดเอาไว้นั้น เนื้อหาใจความสำคัญๆก็คือว่า ‘สิ่งใดก็ตาม ที่อยู่ในจิตใจของเรา จะปรากฏขึ้นเป็นความจริงไม่ช้าก็เร็ว’ ซึ่งเป็นทฤษฎีแบบนิวเอจที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครๆหลายคนในโลกนี้ จนส่งผลให้ติดอันดับ Bestseller ขายดีถล่มทลายกันไปเลยทีเดียว แล้วก็มีนักเขียนหลายท่าน ที่เขียนหนังสือเล่มอื่นๆออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว พร้อมคำอธิบายที่อ้างอิงจากหลักวิทยาศาสตร์และหลักจิตวิทยามากมาย จนเป็นที่น่าเชื่อและนำมาอธิบายเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนเราได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องของความสัมพันธ์หรือคู่รักด้วยครับ โดยมีผู้อ่านหลายๆท่าน(ในต่างประเทศ) ที่เขียนอีเมล์บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง หลังจากที่ได้อ่านเรื่องกฎแห่งการดึงดูด ว่ามันช่างสอดคล้องกับชีวิตของพวกเขาหรือเธอจริงๆ โดยเราจะไม่พูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยในที่นี้ แต่จะมาสรุปสาระให้ทราบกันว่า กระบวนการในการดึงดูดคู่รักในแบบต่างๆนั้นเป็นเช่นไร
1. คนรักคนแรก
คุณคงเคยได้ยินว่า คนรักคนแรกของมนุษย์เรานั้น ก็คือพ่อหรือแม่ของเราเอง กล่าวคือ ผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนพ่อของเธอ และผู้ชายก็จะรู้สึกดึงดูดโดยผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนแม่ของเขา ทั้งนี้กฎของ Psychoanalysis ก็ระบุว่าไว้ในทำนองเดียวกันว่า สิ่งใดก็ตามที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกในวัยเด็ก จะกลายมาเป็นโชคชะตาที่คนๆนั้นต้องพบเจอเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ….ปัญหาก็คือว่า เจ้าแรงดึงดูดจากจิตใต้สำนึกดังกล่าวนี้ มันไม่ได้แยกว่าอะไรดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ…มันแค่เอาสิ่งใดๆก็ตามที่ฝังใจอยู่ ออกมาปรากฏหรือดึงดูดสิ่งๆนั้นเข้าสู่ชีวิตของบุคคลนั้น ดังนั้น หากใครที่มีพ่อหรือแม่ที่มีความประพฤติไม่ค่อยจะดีนัก เช่นติดเหล้า ติดการพนัน หรือชอบใช้ความรุนแรง เป็นคนขี้โมโห เป็นต้น เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็มักจะถูกดึงดูดเข้าหา หรือสนใจคนประเภทนั้นๆโดยไม่รู้สาเหตุ แล้วคนที่ประพฤติตัวไม่ดีเหล่านั้น ก็จะถูกดึงดูดเข้าหาด้วยเช่นกัน เป็นเหมือนแม่เหล็กขั้วบวกกับขั้วลบนั่นเอง
2. พลังแห่งอารมณ์แง่ลบ
คุณอาจจะบอกว่า ‘ผมไม่ได้อยากดึงดูดผู้หญิงแบบนี้เลย’ หรือ ‘ชั้นเกลียดผู้ชายแบบนี้จะตาย!.....แต่เรื่องที่ขัดแย้งในตัวเองก็คือว่า ยิ่งคุณคิดถึงหรือรู้สึกกับผู้ชายหรือผู้หญิงในแบบที่คุณรังกียจ ด้วยอารมณ์ที่เป็นลบมากเท่าไร ยิ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มพลังให้กับความคิดความรู้สึกดังกล่าวมากขึ้นเท่านั้น (Energy flows where your attention goes) แล้วยิ่งพลังงานมันมากขึ้น โอกาสที่มันจะเป็นจริงขึ้นมาหรือดึงดูดมันเข้าหา ก็มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นวิธีการแก้ไข ก็คือ อย่าไปตัดสินหรือตั้งแง่รังเกียจบุคคลลักษณะใดๆก็ตามที่คุณไม่ชอบ หากคุณมีเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจกับบุคลเหล่านั้นแล้วล่ะก็ ขอให้แผ่เมตตาและปลดปล่อยมันไปจากใจ เอาสมองไปจดจ่อกับคนในลักษณะที่คุณต้องการดีกว่า เช่นคนขยันขันแข็ง คนรักครอบครัว คนที่เข้าอกเข้าใจคุณ ฯลฯ
3. เว้นวรรคทางความคิด
เราเข้าใจกันไปแล้ว สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงดึงดูดแต่คนในแบบที่เราไม่ชอบเข้ามาในชีวิต อีกเรื่องที่คุณคงยังสงสัยอยู่ก็คือ ‘ก็แล้วทำไมไม่มีคนประเภทอื่นๆผ่านเข้ามาแทรกบ้างล่ะ?’ นั่นแหละครับ คำถามที่คุณจะหาคำตอบได้โดยการ’หยุด’และเว้นวรรคทางความคิดสักหน่อย เพราะสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำกันหลังจากเลิกรากับแฟนก็คือ หาแฟนใหม่มาแทนที่ทันที…..ก็ในเมื่อยังไม่ทันได้ฉุกคิด ก็รีบร้อนที่จะมีใหม่ซะแล้ว ผลก็คืออารมณ์และความรู้สึกในหัวยังคงคิดถึงคนแบบเดิมๆอยู่ เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์โปรแกรม Word ที่ไม่ว่าคุณจะปริ๊นท์ออกมากี่ครั้งๆ เนื้อหามันก็จะออกมาเหมือนกันทุกครั้ง ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าไปแก้หรือเปลี่ยนข้อความข้างในเสียก่อน ดังนั้น หากมีแฟนมาติดๆกัน 2-3 คนแล้ว ยังเจอคนเหมือนเดิมทุกครั้ง เช่นเจอแต่คนเห็นแก่ตัว หรือเจอแต่คนชอบทำร้ายร่างกาย ก็ลองหยุด และไปหาสถานที่สงบๆ สำรวจใจตัวเองดูก่อน เว้นไปสักครึ่งปี แล้วค่อยหาใหม่ดีกว่าครับ
ชีวิตคนเรานั้นสั้นเกินกว่า ที่จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านะครับ แต่ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยว่า คุณกำลังมีส่วนในการ’เชื้อเชิญ’เหตุการณ์หรือบุคคลเหล่านั้น เข้ามาในชีวิตเอง โดยที่ไม่รู้ตัว หรือเปล่า…ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้ตระหนักว่า คุณเลือกเองได้ครับ!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=696
ในหนังสือ ‘The Secret’ ของ Ronda Byrne ซึ่งได้กล่าวถึงเรื่องกฏแห่งแรงดึงดูดเอาไว้นั้น เนื้อหาใจความสำคัญๆก็คือว่า ‘สิ่งใดก็ตาม ที่อยู่ในจิตใจของเรา จะปรากฏขึ้นเป็นความจริงไม่ช้าก็เร็ว’ ซึ่งเป็นทฤษฎีแบบนิวเอจที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครๆหลายคนในโลกนี้ จนส่งผลให้ติดอันดับ Bestseller ขายดีถล่มทลายกันไปเลยทีเดียว แล้วก็มีนักเขียนหลายท่าน ที่เขียนหนังสือเล่มอื่นๆออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว พร้อมคำอธิบายที่อ้างอิงจากหลักวิทยาศาสตร์และหลักจิตวิทยามากมาย จนเป็นที่น่าเชื่อและนำมาอธิบายเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนเราได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องของความสัมพันธ์หรือคู่รักด้วยครับ โดยมีผู้อ่านหลายๆท่าน(ในต่างประเทศ) ที่เขียนอีเมล์บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง หลังจากที่ได้อ่านเรื่องกฎแห่งการดึงดูด ว่ามันช่างสอดคล้องกับชีวิตของพวกเขาหรือเธอจริงๆ โดยเราจะไม่พูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยในที่นี้ แต่จะมาสรุปสาระให้ทราบกันว่า กระบวนการในการดึงดูดคู่รักในแบบต่างๆนั้นเป็นเช่นไร
1. คนรักคนแรก
คุณคงเคยได้ยินว่า คนรักคนแรกของมนุษย์เรานั้น ก็คือพ่อหรือแม่ของเราเอง กล่าวคือ ผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนพ่อของเธอ และผู้ชายก็จะรู้สึกดึงดูดโดยผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนแม่ของเขา ทั้งนี้กฎของ Psychoanalysis ก็ระบุว่าไว้ในทำนองเดียวกันว่า สิ่งใดก็ตามที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกในวัยเด็ก จะกลายมาเป็นโชคชะตาที่คนๆนั้นต้องพบเจอเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ….ปัญหาก็คือว่า เจ้าแรงดึงดูดจากจิตใต้สำนึกดังกล่าวนี้ มันไม่ได้แยกว่าอะไรดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ…มันแค่เอาสิ่งใดๆก็ตามที่ฝังใจอยู่ ออกมาปรากฏหรือดึงดูดสิ่งๆนั้นเข้าสู่ชีวิตของบุคคลนั้น ดังนั้น หากใครที่มีพ่อหรือแม่ที่มีความประพฤติไม่ค่อยจะดีนัก เช่นติดเหล้า ติดการพนัน หรือชอบใช้ความรุนแรง เป็นคนขี้โมโห เป็นต้น เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็มักจะถูกดึงดูดเข้าหา หรือสนใจคนประเภทนั้นๆโดยไม่รู้สาเหตุ แล้วคนที่ประพฤติตัวไม่ดีเหล่านั้น ก็จะถูกดึงดูดเข้าหาด้วยเช่นกัน เป็นเหมือนแม่เหล็กขั้วบวกกับขั้วลบนั่นเอง
2. พลังแห่งอารมณ์แง่ลบ
คุณอาจจะบอกว่า ‘ผมไม่ได้อยากดึงดูดผู้หญิงแบบนี้เลย’ หรือ ‘ชั้นเกลียดผู้ชายแบบนี้จะตาย!.....แต่เรื่องที่ขัดแย้งในตัวเองก็คือว่า ยิ่งคุณคิดถึงหรือรู้สึกกับผู้ชายหรือผู้หญิงในแบบที่คุณรังกียจ ด้วยอารมณ์ที่เป็นลบมากเท่าไร ยิ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มพลังให้กับความคิดความรู้สึกดังกล่าวมากขึ้นเท่านั้น (Energy flows where your attention goes) แล้วยิ่งพลังงานมันมากขึ้น โอกาสที่มันจะเป็นจริงขึ้นมาหรือดึงดูดมันเข้าหา ก็มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นวิธีการแก้ไข ก็คือ อย่าไปตัดสินหรือตั้งแง่รังเกียจบุคคลลักษณะใดๆก็ตามที่คุณไม่ชอบ หากคุณมีเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจกับบุคลเหล่านั้นแล้วล่ะก็ ขอให้แผ่เมตตาและปลดปล่อยมันไปจากใจ เอาสมองไปจดจ่อกับคนในลักษณะที่คุณต้องการดีกว่า เช่นคนขยันขันแข็ง คนรักครอบครัว คนที่เข้าอกเข้าใจคุณ ฯลฯ
3. เว้นวรรคทางความคิด
เราเข้าใจกันไปแล้ว สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงดึงดูดแต่คนในแบบที่เราไม่ชอบเข้ามาในชีวิต อีกเรื่องที่คุณคงยังสงสัยอยู่ก็คือ ‘ก็แล้วทำไมไม่มีคนประเภทอื่นๆผ่านเข้ามาแทรกบ้างล่ะ?’ นั่นแหละครับ คำถามที่คุณจะหาคำตอบได้โดยการ’หยุด’และเว้นวรรคทางความคิดสักหน่อย เพราะสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำกันหลังจากเลิกรากับแฟนก็คือ หาแฟนใหม่มาแทนที่ทันที…..ก็ในเมื่อยังไม่ทันได้ฉุกคิด ก็รีบร้อนที่จะมีใหม่ซะแล้ว ผลก็คืออารมณ์และความรู้สึกในหัวยังคงคิดถึงคนแบบเดิมๆอยู่ เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์โปรแกรม Word ที่ไม่ว่าคุณจะปริ๊นท์ออกมากี่ครั้งๆ เนื้อหามันก็จะออกมาเหมือนกันทุกครั้ง ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าไปแก้หรือเปลี่ยนข้อความข้างในเสียก่อน ดังนั้น หากมีแฟนมาติดๆกัน 2-3 คนแล้ว ยังเจอคนเหมือนเดิมทุกครั้ง เช่นเจอแต่คนเห็นแก่ตัว หรือเจอแต่คนชอบทำร้ายร่างกาย ก็ลองหยุด และไปหาสถานที่สงบๆ สำรวจใจตัวเองดูก่อน เว้นไปสักครึ่งปี แล้วค่อยหาใหม่ดีกว่าครับ
ชีวิตคนเรานั้นสั้นเกินกว่า ที่จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านะครับ แต่ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยว่า คุณกำลังมีส่วนในการ’เชื้อเชิญ’เหตุการณ์หรือบุคคลเหล่านั้น เข้ามาในชีวิตเอง โดยที่ไม่รู้ตัว หรือเปล่า…ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้ตระหนักว่า คุณเลือกเองได้ครับ!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=696
ผู้ชาย ใช้ชีวิตง่ายๆ กว่าผู้หญิงหรือไม่
ถามความแตกต่าง ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ผู้ชายใช้ชีวิตง่ายๆ ก็จริงๆ แต่ก็ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาซะเลย
1.ผู้ชายส่วนมาก ไม่สนใจที่จะต้องใช้เวลาเสริมหล่อหน้ากระจก ปกติแล้ว ผู้ชายก็ตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟัน โกนหนวด หวีผมนิดหน่อย ใช้เวลาทั้งหมด ราว 15 นาที ก็ออกจากบ้านไปทำธุระได้
2. ผู้ชายไม่ค่อยกังวล ว่าจะซักผ้าเมื่อไหร่ดี หรือจะต้องจัดที่นอนให้สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ผู้หญิงจะดูแลเรื่องความสะอาดของเสื้อผ้า และจัดเตียงนอนให้เรียบร้อยอยู่เสมอ
3. ผู้ชาย(บางคน) ปล่อยให้ตัวเอง อ้วนได้ และก็กินจุเหมือนเดิม แต่หากผู้หญิงอ้วนบ้าง ก็จะกลายเป็นความรู้สึกว่า อ้วนเกินไปซะอย่างนั้น
4. ผู้ชายดูแลบุคลิกตัวเอง ด้วยการโกนหนวด โกนเครา (บางทีนึกไม่อยากโกน ก็ไม่โกน) ไม่ค่อยห่วงตัวเอง ว่าจะอ้วนไป หรือ ผอมไป ในขณะที่ผู้หญิงดูแลบุคลิกตัวเอง ด้วยการรักษารูปร่างตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ
5. ผู้ชายสื่อสารง่ายๆ ตรงๆ ในขณะผู้หญิงจะเปลี่ยนอารมณ์ได้หลากหลายมาก จน(ผู้ชาย) ยากที่จะเข้าใจ
6. ผู้ชายไม่ถนัด เม้าท์นานๆ ทางโทรศัพท์ แต่ผู้หญิงทำได้ (ชอบซะด้วย)
7. ผู้ชายไม่ชอบเดินช๊อปปิ้งเป็นเวลานาน แต่ผู้หญิงส่วนมาก รักการช๊อปปิ๊ง เลือกดู เลือกซื้อเสื้อผ้า สิ่งของ
8. ผู้ชาย มักจะเก็บอารมณ์ ความรู้สึกเอาไว้ในใจ แต่ผู้หญิง มักจะพูดความรู้สึกออกมา
9. ผู้ชาย มักจะเงียบ และสงวนท่าที ดูเชิงก่อน แต่ผู้หญิงชอบที่จะพูดออกมาเลย
10. ผู้ชายค่อนข้าง ถูกปลูกฝังกันมา ให้กล้าเผชิญ กับความเสี่ยง
11. ผู้ชายชอบซ่อมแซม ข้าวของเครื่องใช่ในบ้านเอง เพราะนั่นทำให้ดู สมเป็นผู้ชาย
12. ผู้ชายส่วนมาก แต่งตัวสบายๆ ไปออกกำลังกายที่ยิม หรือฟิตเนส ส่วนผู้หญิง(ไม่ทุกคน) เลือกใส่ชุดเสื้อผ้าที่เซ็กซี่ ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส พร้อมเมกอัพ ให้เป็นที่น่าสนใจ จับตามอง
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=700
1.ผู้ชายส่วนมาก ไม่สนใจที่จะต้องใช้เวลาเสริมหล่อหน้ากระจก ปกติแล้ว ผู้ชายก็ตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟัน โกนหนวด หวีผมนิดหน่อย ใช้เวลาทั้งหมด ราว 15 นาที ก็ออกจากบ้านไปทำธุระได้
2. ผู้ชายไม่ค่อยกังวล ว่าจะซักผ้าเมื่อไหร่ดี หรือจะต้องจัดที่นอนให้สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ผู้หญิงจะดูแลเรื่องความสะอาดของเสื้อผ้า และจัดเตียงนอนให้เรียบร้อยอยู่เสมอ
3. ผู้ชาย(บางคน) ปล่อยให้ตัวเอง อ้วนได้ และก็กินจุเหมือนเดิม แต่หากผู้หญิงอ้วนบ้าง ก็จะกลายเป็นความรู้สึกว่า อ้วนเกินไปซะอย่างนั้น
4. ผู้ชายดูแลบุคลิกตัวเอง ด้วยการโกนหนวด โกนเครา (บางทีนึกไม่อยากโกน ก็ไม่โกน) ไม่ค่อยห่วงตัวเอง ว่าจะอ้วนไป หรือ ผอมไป ในขณะที่ผู้หญิงดูแลบุคลิกตัวเอง ด้วยการรักษารูปร่างตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ
5. ผู้ชายสื่อสารง่ายๆ ตรงๆ ในขณะผู้หญิงจะเปลี่ยนอารมณ์ได้หลากหลายมาก จน(ผู้ชาย) ยากที่จะเข้าใจ
6. ผู้ชายไม่ถนัด เม้าท์นานๆ ทางโทรศัพท์ แต่ผู้หญิงทำได้ (ชอบซะด้วย)
7. ผู้ชายไม่ชอบเดินช๊อปปิ้งเป็นเวลานาน แต่ผู้หญิงส่วนมาก รักการช๊อปปิ๊ง เลือกดู เลือกซื้อเสื้อผ้า สิ่งของ
8. ผู้ชาย มักจะเก็บอารมณ์ ความรู้สึกเอาไว้ในใจ แต่ผู้หญิง มักจะพูดความรู้สึกออกมา
9. ผู้ชาย มักจะเงียบ และสงวนท่าที ดูเชิงก่อน แต่ผู้หญิงชอบที่จะพูดออกมาเลย
10. ผู้ชายค่อนข้าง ถูกปลูกฝังกันมา ให้กล้าเผชิญ กับความเสี่ยง
11. ผู้ชายชอบซ่อมแซม ข้าวของเครื่องใช่ในบ้านเอง เพราะนั่นทำให้ดู สมเป็นผู้ชาย
12. ผู้ชายส่วนมาก แต่งตัวสบายๆ ไปออกกำลังกายที่ยิม หรือฟิตเนส ส่วนผู้หญิง(ไม่ทุกคน) เลือกใส่ชุดเสื้อผ้าที่เซ็กซี่ ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส พร้อมเมกอัพ ให้เป็นที่น่าสนใจ จับตามอง
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=700
Good Sex for Better Relationship
วันนี้เรามีข้อแนะนำ เพื่อชีวิตเซ็กส์ที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น สำหรับคู่รักหรือคู่เดทหลายๆคู่ ที่กำลังรู้สึกว่าความสนใจของอีกฝ่ายหรือของตัวเอง กำลังจืดจางไป เนื่องจากพอมีเซ็กส์กันบ่อยๆเข้า ชักรู้สึกว่ามันซ้ำซากจำเจ ไม่ต้องห่วงครับ ทางอเมริกาเค้ามีแบบสำรวจมา ว่าอะไรที่จะช่วย Renew เรื่องบนเตียงของคุณ ให้กลับมาตื่นเต้น วาบหวามได้เหมือนเดิม เพียงแต่คุณจะกล้าลองหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ กับ 10 อันดับต่อไปนี้
Number 10 – ใช้อุปกรณ์ช่วย
ไม่ว่าจะเป็นผ้าที่ใช้ปิดตาเธอ เวลาที่คุณเล้าโลม หรือจะเป็น Vibrator ขนาดเล็กก็เป็นที่นิยมและได้ผลมากทีเดียว นอกจากนี้ น้ำมันหล่อลื่น ซึ่งช่วยให้การเสียดสีแต่ละครั้ง ซาบซ่านมากขึ้น ก็หาซื้อได้ไม่ยากนัก และก็ยังมีเชือกอุปกรณ์ง่ายๆที่ใช้ผูกมัดพันธนาการเวลาร่วมรัก เพียงแต่ของเหล่านี้ อาจทำให้ผู้หญิงบางคนรู้สึกอาย และผู้ชายบางคนก็รู้สึกน้อยใจไปเอง โดยรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ แต่อันที่จริง อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ มีคู่รักหลายๆคู่ที่ใช้กันมาและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข ยั่งยืนกว่าคู่อื่นๆด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือ อุปกรณ์ส่วนใหญ่ได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วด้วยว่า มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษใดๆครับ
Number 9 – ติวซึ่งกันและกัน
คู่รักส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด โดยเหมาเอาว่าตัวเองนั้นรู้ดีอยู่แล้ว ว่าอีกฝ่ายชอบให้ทำแบบไหน แต่นักบำบัดชีวิตคู่หลายท่าน ยืนยันว่า ทุกครั้งที่เรียกคู่รักที่มีปัญหามาเคลียร์กันเมื่อไร เรื่องความไม่เข้าใจกันถึงรสนิยมและความชอบบนเตียง ถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆเลยครับ
Number 8 – นวด นวด นวด
การนวด นอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และเลือดลมไหลเวียนดี มีโอกาสทำให้คนรักถึงจุดสุดยอดได้มากขึ้นแล้ว การนวดและลูบไล้สมัผัสร่างกายซึ่งกันและกัน ยังเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกดีๆให้อีกฝ่ายได้ซาบซึ้งอีกด้วย คุณจะรู้สึกผูกพันธ์กันแนบแน่น มากกว่าการมีเซ็กส์กันแบบคนแปลกหน้าทั่วไป …เรื่องการนวดนี้ ทีมงานเรามีรายละเอียดให้อ่านกันในอีกหัวข้อหนึ่งแบบเต็มๆเลยครับ
Number 7 – เครื่องแบบ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ว่าทำไมผู้ชายถึงชอบดูหนังเรท X ก็เพราะในหนังบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นของฝรั่งหรือญี่ปุ่น ก็มักจะมีการให้ผู้หญิงแต่งเครื่องแบบต่างๆ ตามรสนิยมของแต่ละคน ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเครื่องแบบนักเรียนเท่านั้น เครื่องแบบพยาบาล หรือเครื่องแบบพนักงานบริษัทใดๆ ก็ให้อารมณ์ได้ไม่แพ้กัน! ส่วนคุณผู้ชาย ก็สามารถแต่งเครื่องแบบเอาใจฝ่ายหญิงได้เช่นกัน (หากเธอต้องการนะครับ) ตามตลาดนัดใหญ่ๆเช่นจตุจักร มีขายกันให้พรึ่บครับ!
Number 6 – Tell your fantasies
คุณอาจจะต้องเล่นบทบาทกันเล็กน้อย เรียกว่า Role Play เพราะแต่ละคน ย่อมมีความฝันใฝ่ในเรื่องเซ็กส์แตกต่างกันไป ผู้หญิงบางคนที่ดูเงียบๆเรียบร้อยๆ อาจจะอยากมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า ผู้ชายบางคนลึกๆแล้วอาจจะอยากมีเซ็กส์กับลูกน้องของตัวเอง อันนี้ถ้าไม่มีก็ดีไปครับ แต่ถ้ามีล่ะก็ คุณควรเล่นบทบาทนั้นๆสนองความฝันของเขาหรือเธอให้เป็นความจริง ดีกว่าให้ไปทำในชีวิตจริงนะครับ!
Number 5 - Play a game
ไพ่สำคัญมาก ทุกบ้านควรจะมีไพ่สักสำรับติดห้องนอนเอาไว้ เกมส์ง่ายๆเลยก็คือ การเปิดไพ่ ใครได้แต้มมากว่า ก็มีสิทธิ์สั่งให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ หรือจะสั่งให้ถอดทีละชิ้น หรือให้เต้นยั่วยวน แล้วแต่ว่าคุณจะตั้งกติกากันขึ้นมาเอง กิจกรรมประเภทนี้ทำเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและคลายเครียดได้ดีทีเดียวครับ
Number 4 - Dirty talk
จริงอยู่ครับว่ายุคสมัยนี้ การพูดการจาต้องมีอารยธรรมกันนิดนึง ไม่ว่าจะพูดกับเพื่อน ญาติพี่น้อง หัวหน้า หรือลูกน้องที่ทำงาน หากแต่เมื่อมาถึงคนที่คุณใกล้ชิดและสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุดอย่างคนรักแล้วล่ะก็ การพูดจาภาษาเซ็กส์แบบตรงไปตรงมา ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ๆแรงๆนิดนึง แต่พองาม เป็นวิธีที่จะช่วยทลายกำแพงมายาที่ขวางกั้น และปลดปล่อยอารมณ์สัญชาติญาณดิบ พาคุณทั้งคู่ไปสู่สวรรค์ได้อีกทางหนึ่ง ดีกว่าจะต้องสรรหาคำพูดน่ารักๆมาประดิษฐ์ประดอย ทำให้ต่างคนต่างเกร็งกันไปเปล่าๆ
Number 3 - new position
ถ้าหากปกติ คุณทั้งคู่ปฎิบัติกิจกันได้เสร็จสมอารมณ์หมายกันดีอยู่แล้วล่ะก็ ทำท่าเดิม สเต็ปเดิมกันต่อไปเถอะครับ แต่หากรู้สึกว่าตัวคุณเองหรืออีกฝ่าย เริ่มที่จะ’ดื้อยา’แล้วล่ะก็ คงถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนท่ากันมั่งแล้วล่ะครับ ลองท่าที่ไม่เคยลอง อย่างเช่นการตะแคงด้านข้าง ท่ายืน หรือท่าอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เคย ที่สำคัญคืออย่าให้โลดโผนเกินกำลังของตัวเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นเศร้าไป…คุณอาจจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสื่อต่างๆได้ไม่ยากครับ
Number 2 – Viagra
ต้องบอกไว้ก่อนว่า นี่เป็นผลการสำรวจจากทางอเมริกา ดังนั้นอาจมีเรื่องของการโฆษณาเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นสำหรับผู้ชายท่านใด ที่ไม่มีปัญการแข็งตัวหรือหลั่งเร็ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาดังกล่าวหรอกครับ อาศัยการฝึกฝนนิดหน่อย เช่นการฝึกขมิบก้น หรือฝึกกลั้นปัสสาวะเป็นจังหวะๆ (ระหว่างปัสสาวะ) ก็ช่วยให้ร่วมรักได้นานขึ้นแล้วครับ แต่ถ้าใครจำเป็นต้องพึ่งยาจริงๆ เค้าก็รับประกันความพึงพอใจมาเหมือนกันครับ ที่สำคัญอย่าทานเกินปริมาณที่กำหนดไว้ก็แล้วกัน
Number 1- New place
ข้อนี้สิครับ เด็ดและคลาสสิกที่สุด ถึงแม้อาจจะทำให้หลายๆคนลังเล เพราะหมิ่นเหม่ต่อการถูกจับได้ในที่สาธารณะ แต่รับรองว่า การที่ขึ้นมาอยู่เป็นอันดับ 1 แบบนี้ มันต้องมีดีอะไรบางอย่างแน่ ซึ่งอย่างแรก ที่เห็นได้ชัดเลย ก็เห็นจะเป็นความรู้สึกตื่นเต้นเร่าร้อน ฮอรโมนสูบฉีดแรงขึ้น จากการที่ต้องเร่งรีบให้เสร็จไวๆ ก่อนที่ใครจะมาเห็น ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำที่โรงหนังเงียบๆซักแห่ง(เอาที่คนไม่พลุกพล่านนะครับ), ในรถของคุณเอง(อย่าทำบนรถเมล์ล่ะ!), หรือจะเป็นห้องทำงานในออฟฟิสคุณ(ชี้โพรงให้กระรอกมั้ยเนี่ย)…ถ้าใครยังลังเลอยู่ เริ่มต้นจากในห้องนอนนั่นแหละครับ แต่อาจจากเขยิบจากบนเตียง เป็นลงมาละเลงกันบนพื้น หรือในอ่างอาบน้ำก่อนก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไปครับ
เอาเป็นว่า ข้อแนะนำเหล่านี้ ใครสนใจก็นำไปใช้ดูก็แล้วกันครับ เพราะชีวิต(คู่)นั้น อาจสั้นเกินกว่าที่จะไม่ลองอะไรแปลกใหม่ ก็เลือกเอาเองนะครับว่า จะลองอะไรแปลกใหม่ หรือปล่อยให้คู่รักคุณไปหาคนใหม่!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=703
Number 10 – ใช้อุปกรณ์ช่วย
ไม่ว่าจะเป็นผ้าที่ใช้ปิดตาเธอ เวลาที่คุณเล้าโลม หรือจะเป็น Vibrator ขนาดเล็กก็เป็นที่นิยมและได้ผลมากทีเดียว นอกจากนี้ น้ำมันหล่อลื่น ซึ่งช่วยให้การเสียดสีแต่ละครั้ง ซาบซ่านมากขึ้น ก็หาซื้อได้ไม่ยากนัก และก็ยังมีเชือกอุปกรณ์ง่ายๆที่ใช้ผูกมัดพันธนาการเวลาร่วมรัก เพียงแต่ของเหล่านี้ อาจทำให้ผู้หญิงบางคนรู้สึกอาย และผู้ชายบางคนก็รู้สึกน้อยใจไปเอง โดยรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ แต่อันที่จริง อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ มีคู่รักหลายๆคู่ที่ใช้กันมาและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข ยั่งยืนกว่าคู่อื่นๆด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือ อุปกรณ์ส่วนใหญ่ได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วด้วยว่า มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษใดๆครับ
Number 9 – ติวซึ่งกันและกัน
คู่รักส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด โดยเหมาเอาว่าตัวเองนั้นรู้ดีอยู่แล้ว ว่าอีกฝ่ายชอบให้ทำแบบไหน แต่นักบำบัดชีวิตคู่หลายท่าน ยืนยันว่า ทุกครั้งที่เรียกคู่รักที่มีปัญหามาเคลียร์กันเมื่อไร เรื่องความไม่เข้าใจกันถึงรสนิยมและความชอบบนเตียง ถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆเลยครับ
Number 8 – นวด นวด นวด
การนวด นอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และเลือดลมไหลเวียนดี มีโอกาสทำให้คนรักถึงจุดสุดยอดได้มากขึ้นแล้ว การนวดและลูบไล้สมัผัสร่างกายซึ่งกันและกัน ยังเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกดีๆให้อีกฝ่ายได้ซาบซึ้งอีกด้วย คุณจะรู้สึกผูกพันธ์กันแนบแน่น มากกว่าการมีเซ็กส์กันแบบคนแปลกหน้าทั่วไป …เรื่องการนวดนี้ ทีมงานเรามีรายละเอียดให้อ่านกันในอีกหัวข้อหนึ่งแบบเต็มๆเลยครับ
Number 7 – เครื่องแบบ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ว่าทำไมผู้ชายถึงชอบดูหนังเรท X ก็เพราะในหนังบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นของฝรั่งหรือญี่ปุ่น ก็มักจะมีการให้ผู้หญิงแต่งเครื่องแบบต่างๆ ตามรสนิยมของแต่ละคน ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเครื่องแบบนักเรียนเท่านั้น เครื่องแบบพยาบาล หรือเครื่องแบบพนักงานบริษัทใดๆ ก็ให้อารมณ์ได้ไม่แพ้กัน! ส่วนคุณผู้ชาย ก็สามารถแต่งเครื่องแบบเอาใจฝ่ายหญิงได้เช่นกัน (หากเธอต้องการนะครับ) ตามตลาดนัดใหญ่ๆเช่นจตุจักร มีขายกันให้พรึ่บครับ!
Number 6 – Tell your fantasies
คุณอาจจะต้องเล่นบทบาทกันเล็กน้อย เรียกว่า Role Play เพราะแต่ละคน ย่อมมีความฝันใฝ่ในเรื่องเซ็กส์แตกต่างกันไป ผู้หญิงบางคนที่ดูเงียบๆเรียบร้อยๆ อาจจะอยากมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า ผู้ชายบางคนลึกๆแล้วอาจจะอยากมีเซ็กส์กับลูกน้องของตัวเอง อันนี้ถ้าไม่มีก็ดีไปครับ แต่ถ้ามีล่ะก็ คุณควรเล่นบทบาทนั้นๆสนองความฝันของเขาหรือเธอให้เป็นความจริง ดีกว่าให้ไปทำในชีวิตจริงนะครับ!
Number 5 - Play a game
ไพ่สำคัญมาก ทุกบ้านควรจะมีไพ่สักสำรับติดห้องนอนเอาไว้ เกมส์ง่ายๆเลยก็คือ การเปิดไพ่ ใครได้แต้มมากว่า ก็มีสิทธิ์สั่งให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ หรือจะสั่งให้ถอดทีละชิ้น หรือให้เต้นยั่วยวน แล้วแต่ว่าคุณจะตั้งกติกากันขึ้นมาเอง กิจกรรมประเภทนี้ทำเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและคลายเครียดได้ดีทีเดียวครับ
Number 4 - Dirty talk
จริงอยู่ครับว่ายุคสมัยนี้ การพูดการจาต้องมีอารยธรรมกันนิดนึง ไม่ว่าจะพูดกับเพื่อน ญาติพี่น้อง หัวหน้า หรือลูกน้องที่ทำงาน หากแต่เมื่อมาถึงคนที่คุณใกล้ชิดและสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุดอย่างคนรักแล้วล่ะก็ การพูดจาภาษาเซ็กส์แบบตรงไปตรงมา ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ๆแรงๆนิดนึง แต่พองาม เป็นวิธีที่จะช่วยทลายกำแพงมายาที่ขวางกั้น และปลดปล่อยอารมณ์สัญชาติญาณดิบ พาคุณทั้งคู่ไปสู่สวรรค์ได้อีกทางหนึ่ง ดีกว่าจะต้องสรรหาคำพูดน่ารักๆมาประดิษฐ์ประดอย ทำให้ต่างคนต่างเกร็งกันไปเปล่าๆ
Number 3 - new position
ถ้าหากปกติ คุณทั้งคู่ปฎิบัติกิจกันได้เสร็จสมอารมณ์หมายกันดีอยู่แล้วล่ะก็ ทำท่าเดิม สเต็ปเดิมกันต่อไปเถอะครับ แต่หากรู้สึกว่าตัวคุณเองหรืออีกฝ่าย เริ่มที่จะ’ดื้อยา’แล้วล่ะก็ คงถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนท่ากันมั่งแล้วล่ะครับ ลองท่าที่ไม่เคยลอง อย่างเช่นการตะแคงด้านข้าง ท่ายืน หรือท่าอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เคย ที่สำคัญคืออย่าให้โลดโผนเกินกำลังของตัวเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นเศร้าไป…คุณอาจจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสื่อต่างๆได้ไม่ยากครับ
Number 2 – Viagra
ต้องบอกไว้ก่อนว่า นี่เป็นผลการสำรวจจากทางอเมริกา ดังนั้นอาจมีเรื่องของการโฆษณาเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นสำหรับผู้ชายท่านใด ที่ไม่มีปัญการแข็งตัวหรือหลั่งเร็ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาดังกล่าวหรอกครับ อาศัยการฝึกฝนนิดหน่อย เช่นการฝึกขมิบก้น หรือฝึกกลั้นปัสสาวะเป็นจังหวะๆ (ระหว่างปัสสาวะ) ก็ช่วยให้ร่วมรักได้นานขึ้นแล้วครับ แต่ถ้าใครจำเป็นต้องพึ่งยาจริงๆ เค้าก็รับประกันความพึงพอใจมาเหมือนกันครับ ที่สำคัญอย่าทานเกินปริมาณที่กำหนดไว้ก็แล้วกัน
Number 1- New place
ข้อนี้สิครับ เด็ดและคลาสสิกที่สุด ถึงแม้อาจจะทำให้หลายๆคนลังเล เพราะหมิ่นเหม่ต่อการถูกจับได้ในที่สาธารณะ แต่รับรองว่า การที่ขึ้นมาอยู่เป็นอันดับ 1 แบบนี้ มันต้องมีดีอะไรบางอย่างแน่ ซึ่งอย่างแรก ที่เห็นได้ชัดเลย ก็เห็นจะเป็นความรู้สึกตื่นเต้นเร่าร้อน ฮอรโมนสูบฉีดแรงขึ้น จากการที่ต้องเร่งรีบให้เสร็จไวๆ ก่อนที่ใครจะมาเห็น ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำที่โรงหนังเงียบๆซักแห่ง(เอาที่คนไม่พลุกพล่านนะครับ), ในรถของคุณเอง(อย่าทำบนรถเมล์ล่ะ!), หรือจะเป็นห้องทำงานในออฟฟิสคุณ(ชี้โพรงให้กระรอกมั้ยเนี่ย)…ถ้าใครยังลังเลอยู่ เริ่มต้นจากในห้องนอนนั่นแหละครับ แต่อาจจากเขยิบจากบนเตียง เป็นลงมาละเลงกันบนพื้น หรือในอ่างอาบน้ำก่อนก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไปครับ
เอาเป็นว่า ข้อแนะนำเหล่านี้ ใครสนใจก็นำไปใช้ดูก็แล้วกันครับ เพราะชีวิต(คู่)นั้น อาจสั้นเกินกว่าที่จะไม่ลองอะไรแปลกใหม่ ก็เลือกเอาเองนะครับว่า จะลองอะไรแปลกใหม่ หรือปล่อยให้คู่รักคุณไปหาคนใหม่!
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=703
ทำไม๊ ทำไม ไม่มีแฟนกับเค้าซักที
“อยากโดนเป็นเจ้าของ อยากมีคนจับจอง แม้ใครได้ครอบครอง เจ้าของใจดวงนี้ จะคอยให้ความรัก จะดูแลอย่างดี ที่ทำให้ฉันไม่ต้องทน เป็นคนนี้ คนไม่มีแฟน” เห็นคนเดินกันเป็นคู่ทั่วบ้านทั่วเมือง นึกแล้วใจมันเศร้าว่าทำไมยังไม่มีคู่ซักที คุณเคยลองถามตัวเองไหมครับว่าเพราะอะไร และทำไม ทั้งๆที่เราก็ทำดีทุกอย่าง เอาใจทุกอย่าง ตามใจทุกอย่าง เหมือนๆจะไปด้วยกันได้ดีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด แต่ทำไม บางคนเลิกกับคนนู้นก็มาคบคนนี้ เลิกกับคนนี้เดี๋ยวก็มีแฟนใหม่อีกแล้ว หรือบางทีก็คิดว่าก็ไม่ได้ปิดตัวเองนะ แต่ทำไมไม่เห็นมีใครเข้ามาซักที เรามาลองวิเคราะห์ดูกันครับ
ข้อแม้เยอะ
คนเราทุกคนย่อมมีสเป็คหนุ่มและสาวในดวงใจ แบบว่าคนที่จะมาเป็นแฟนฉันต้อง... ร้อยแปดพันประการ สวย รวย หล่อ สะอาด สุขุม ขาว หมวย เซ็กซ์ กล้ามโต การศึกษาดี ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ คุณผู้อ่านลองย้อนกลับไปอ่านเรื่อง “อยากเป็นแฟนกับฉันต้อง......” เพราะว่าตัวคุณตั้งข้อแม้ให้ตัวเองมากเกินไปรึเปล่าครับ แต่เชื่อผมเถอะว่าถ้าเวลาผ่านไปข้อแม้มากมายของคุณจะลดลงไปตามอายุที่มากขึ้น แต่ก็ไม่ทุกเรื่องนะครับ เพราะบางอย่างที่รับไม่ได้จริงๆขืนคบกันไปก็จบแน่ๆครับ
ยอมจนเกินไปไม่เป็นตัวของตัวเอง
บางครั้งคนบางคนที่ไขว่คว้าหาความรักจนทำให้ลืมทั้งศักดิ์ศรี ลืมความเป็นตัวของตัวเอง ยอมอีกฝ่ายซะทุกอย่าง เป็นนายและนางสาว “Yes” ตลอดเวลา แรกๆมันก็ดีครับ ไม่ว่าจะ “ตามใจ” “อะไรก็ได้” อย่าลืมนะครับ การที่ปล่อยให้บางคนนำชีวิตของคุณอยู่ตลอดเวลา มีได้สองประเด็นครับ ประเด็นแรก คุณก็อยู่ใต้อำนาจของอีกฝ่ายตลอดเวลาแล้วคราวนี้คุณก็จะไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นอะไรได้อีกเลย กับอีกประเด็นก็คือ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า ทำไมไม่ช่วยกันคิด ทำไมไม่ช่วยกันแก้ไข กลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นของเค้า การคบกันมันต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันครับ
อยู่ในสถานการณ์ปิด
ในที่นี้หมายถึง ไม่มีโอกาสได้ไปพบเจอผู้คน อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีโอกาสเจอใครหรือวิถีชีวิตประจำวันที่ซ้ำซาก ตื่นนอน แต่งตัว ไปทำงาน (ที่ทำงานก็มีแต่คนแต่งงานแล้ว หรือไม่ก็เพื่อนสาว) เลิกงาน กลับบ้าน นอน วันหยุดอยู่แต่บ้าน เพื่อนชวนไปไหนไม่เคยไป จบครับจบ รับรองว่าไม่แฟนแน่ๆครับ ก่อนอื่นไปอ่านเรื่อง "5 วิธีตามหาเนื้อคู่" แล้วลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ
มีเรื่องไหนเข้าข่ายกับพฤติกรรมที่คุณเป็นอยู่รึเปล่าครับ ถ้าตรงกับคุณแล้วล่ะก็ปรับปรุงด่วนครับ แต่การไม่มีแฟนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ตัวเราฝ่ายเดียวนะครับ บางเรื่องหรือบางคนที่เรารับจุดบกพร่องเค้าไม่ได้จริงๆ เช่น ความเจ้าชู้ ถ้าคบต่อไปก็มีแต่เรื่องต้องเจ็บช้ำน้ำใจแล้วล่ะก็ อย่าคบดีกว่าครับ ไม่ต้องใจร้อน ไม่ต้องรีบตัดสินใจ ดูๆไป บางครั้งที่คุณคิดว่าคุณเหนื่อยกับการตามหาใครซักคน บางทีอาจจะมีอีกคนที่เค้าก็กำลังตามหาคุณอยู่เช่นกันนะครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=706
ข้อแม้เยอะ
คนเราทุกคนย่อมมีสเป็คหนุ่มและสาวในดวงใจ แบบว่าคนที่จะมาเป็นแฟนฉันต้อง... ร้อยแปดพันประการ สวย รวย หล่อ สะอาด สุขุม ขาว หมวย เซ็กซ์ กล้ามโต การศึกษาดี ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ คุณผู้อ่านลองย้อนกลับไปอ่านเรื่อง “อยากเป็นแฟนกับฉันต้อง......” เพราะว่าตัวคุณตั้งข้อแม้ให้ตัวเองมากเกินไปรึเปล่าครับ แต่เชื่อผมเถอะว่าถ้าเวลาผ่านไปข้อแม้มากมายของคุณจะลดลงไปตามอายุที่มากขึ้น แต่ก็ไม่ทุกเรื่องนะครับ เพราะบางอย่างที่รับไม่ได้จริงๆขืนคบกันไปก็จบแน่ๆครับ
ยอมจนเกินไปไม่เป็นตัวของตัวเอง
บางครั้งคนบางคนที่ไขว่คว้าหาความรักจนทำให้ลืมทั้งศักดิ์ศรี ลืมความเป็นตัวของตัวเอง ยอมอีกฝ่ายซะทุกอย่าง เป็นนายและนางสาว “Yes” ตลอดเวลา แรกๆมันก็ดีครับ ไม่ว่าจะ “ตามใจ” “อะไรก็ได้” อย่าลืมนะครับ การที่ปล่อยให้บางคนนำชีวิตของคุณอยู่ตลอดเวลา มีได้สองประเด็นครับ ประเด็นแรก คุณก็อยู่ใต้อำนาจของอีกฝ่ายตลอดเวลาแล้วคราวนี้คุณก็จะไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นอะไรได้อีกเลย กับอีกประเด็นก็คือ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า ทำไมไม่ช่วยกันคิด ทำไมไม่ช่วยกันแก้ไข กลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นของเค้า การคบกันมันต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันครับ
อยู่ในสถานการณ์ปิด
ในที่นี้หมายถึง ไม่มีโอกาสได้ไปพบเจอผู้คน อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีโอกาสเจอใครหรือวิถีชีวิตประจำวันที่ซ้ำซาก ตื่นนอน แต่งตัว ไปทำงาน (ที่ทำงานก็มีแต่คนแต่งงานแล้ว หรือไม่ก็เพื่อนสาว) เลิกงาน กลับบ้าน นอน วันหยุดอยู่แต่บ้าน เพื่อนชวนไปไหนไม่เคยไป จบครับจบ รับรองว่าไม่แฟนแน่ๆครับ ก่อนอื่นไปอ่านเรื่อง "5 วิธีตามหาเนื้อคู่" แล้วลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ
มีเรื่องไหนเข้าข่ายกับพฤติกรรมที่คุณเป็นอยู่รึเปล่าครับ ถ้าตรงกับคุณแล้วล่ะก็ปรับปรุงด่วนครับ แต่การไม่มีแฟนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ตัวเราฝ่ายเดียวนะครับ บางเรื่องหรือบางคนที่เรารับจุดบกพร่องเค้าไม่ได้จริงๆ เช่น ความเจ้าชู้ ถ้าคบต่อไปก็มีแต่เรื่องต้องเจ็บช้ำน้ำใจแล้วล่ะก็ อย่าคบดีกว่าครับ ไม่ต้องใจร้อน ไม่ต้องรีบตัดสินใจ ดูๆไป บางครั้งที่คุณคิดว่าคุณเหนื่อยกับการตามหาใครซักคน บางทีอาจจะมีอีกคนที่เค้าก็กำลังตามหาคุณอยู่เช่นกันนะครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=706
เปลี่ยนใจเค้าได้ไหม ถ้าเผลอใจให้เก้งกวาง
ฟังข่าวสารบ้านเมืองถึงได้ทราบว่าตอนนี้มีเทรนด์ใหม่ของหญิงไทยใจกล้าหาญที่แอบมีใจให้เหล่าเก้งกวาง เริ่มจากการอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นและพยายามลุ้นให้บรรดาศิลปินหน้าสวย(กว่าผู้หญิง)มาชอบกันเอง รวมถึงมีการเชียร์หนุ่มๆให้หันมาคบกันตามกระแสหนัง”รักแห่งสยาม” แต่นอกจากจะชื่นชอบและชื่นชมแล้วบางครั้งถึงกับหลงใหลคลั่งไคล้อยากได้เหล่าเก้งกวางเหล่านี้มาเป็นแฟน เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มหน้าตาดี สุภาพ เทคแคร์ดี ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นแค่ความลุ่มหลงฉาบฉวยก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดตกหลุมรักเข้าอย่างจังล่ะก็ หลายคนสงสัยว่าจะเปลี่ยนใจหนุ่มๆเหล่านี้ได้ไหม ผมไปสัมภาษณ์หาข้อมูลมาให้แล้วครับ
ก่อนที่จะเข้าประเด็นว่าคุณจะเปลี่ยนใจเขาเหล่านี้ได้ไหม ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เขาเป็นเกย์ เป็นไบ เป็นสาว เป็นกะเทย เป็นรุก เป็นรับหรือเป็นได้ทั้งรุกและรับ เคยมีแฟนเป็นผูหญิงมาก่อนหรือว่าเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อนรึเปล่ามาดูเป็นกรณีๆกันครับ คำถามที่ผมถามคือ “ถ้ามีผู้หญิงคนนึงมาบอกว่ารักคุณมาก เข้าใจและทำใจได้ในสิ่งที่ผ่านมา อยากจะคบกับคุณจนถึงขั้นแต่งงาน คุณจะว่ายังไง”
กรณีที่ 1 เป็นไบ ได้ทั้งสองอย่างเคยมีอะไรกับทั้งชายและหญิง “ก็ได้นะ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก เพราะถ้ารักเราจริงๆแล้วยอมรับอดีตเราได้ ก็อยากจะมีครอบครัวเหมือนกัน”
กรณีที่ 2 เป็นรุก เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงแล้วเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน “ถ้าจะให้มีอะไรกับผู้หญิงก็คิดว่ายังมีได้อยู่แต่ก็คงเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น ส่วนเรื่องของจิตใจคิดว่าคงจะยาก ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ ไม่อยากให้อีกฝ่ายมาเสียใจทีหลัง”
กรณีที่ 3 เป็นรับไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน “ไม่สามารถเปลี่ยนรสนิยมได้ เป็นเรื่องของธรรมชาติที่สร้างมาให้มีความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับสร้างผู้หญิงให้คู่กับผู้ชาย คนที่เป็นเกย์ก็ไม่สามารถจะไปชอบผู้หญิงได้”
กรณีที่ 4 เป็นรุกไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง “ไม่....ไม่...ไม่.....” (-_-!)
กรณีที่ 5 สาวแตก “ได้ จะเอาชั้นไปเป็นเพื่อนสาวหรือไงยะ” (T_T)
เป็นไงกันบ้างครับสาวๆที่ตอนนี้มีปัญหานี้กันอยู่ คงพอจะได้คำตอบนะครับ คำตอบที่ผมหามาก็เป็นแค่กลุ่มตัวอย่างเล็กๆเท่านั้น เพราะสุดท้ายความรักเป็นเรื่องห้ามกันไม่ได้ ถ้าคุณได้รักใครซักคน การต้องการจะเปลี่ยนเค้าอาจจะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ แต่การยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอครับ เพราะยังไงความรักก็ไม่มีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=709
ก่อนที่จะเข้าประเด็นว่าคุณจะเปลี่ยนใจเขาเหล่านี้ได้ไหม ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เขาเป็นเกย์ เป็นไบ เป็นสาว เป็นกะเทย เป็นรุก เป็นรับหรือเป็นได้ทั้งรุกและรับ เคยมีแฟนเป็นผูหญิงมาก่อนหรือว่าเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อนรึเปล่ามาดูเป็นกรณีๆกันครับ คำถามที่ผมถามคือ “ถ้ามีผู้หญิงคนนึงมาบอกว่ารักคุณมาก เข้าใจและทำใจได้ในสิ่งที่ผ่านมา อยากจะคบกับคุณจนถึงขั้นแต่งงาน คุณจะว่ายังไง”
กรณีที่ 1 เป็นไบ ได้ทั้งสองอย่างเคยมีอะไรกับทั้งชายและหญิง “ก็ได้นะ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก เพราะถ้ารักเราจริงๆแล้วยอมรับอดีตเราได้ ก็อยากจะมีครอบครัวเหมือนกัน”
กรณีที่ 2 เป็นรุก เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงแล้วเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน “ถ้าจะให้มีอะไรกับผู้หญิงก็คิดว่ายังมีได้อยู่แต่ก็คงเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น ส่วนเรื่องของจิตใจคิดว่าคงจะยาก ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ ไม่อยากให้อีกฝ่ายมาเสียใจทีหลัง”
กรณีที่ 3 เป็นรับไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน “ไม่สามารถเปลี่ยนรสนิยมได้ เป็นเรื่องของธรรมชาติที่สร้างมาให้มีความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับสร้างผู้หญิงให้คู่กับผู้ชาย คนที่เป็นเกย์ก็ไม่สามารถจะไปชอบผู้หญิงได้”
กรณีที่ 4 เป็นรุกไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง “ไม่....ไม่...ไม่.....” (-_-!)
กรณีที่ 5 สาวแตก “ได้ จะเอาชั้นไปเป็นเพื่อนสาวหรือไงยะ” (T_T)
เป็นไงกันบ้างครับสาวๆที่ตอนนี้มีปัญหานี้กันอยู่ คงพอจะได้คำตอบนะครับ คำตอบที่ผมหามาก็เป็นแค่กลุ่มตัวอย่างเล็กๆเท่านั้น เพราะสุดท้ายความรักเป็นเรื่องห้ามกันไม่ได้ ถ้าคุณได้รักใครซักคน การต้องการจะเปลี่ยนเค้าอาจจะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ แต่การยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอครับ เพราะยังไงความรักก็ไม่มีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=709
วลีต้องห้าม!
ครองคู่ครองเรือนกันมาหลายปี คุณกับเขาสนิทสนม แนบซึ้งถึงทรวงกันมากแค่ไหนใครๆก็รู้ดี แต่ว่าอ๊ะๆ!!...อย่าเผลอชะล่าใจ จน พลั้งปากไปพูดกับเขาใน 4 ประเด็นต่อไปนี้ล่ะ ไม่อย่างงั้นคุณอาจจะเสียเขาไปแบบน้ำผึ้งหยดเดียวเชียวนะครับ
1. ‘ชั้นกับเพื่อนคุณ เคยจีบๆกันด้วย’
โอ้โหย!.....อันนี้ล่ะเป็นเรื่องแน่นอน คุณคิดเหรอว่าเขาจะไม่คิดมาก? ต่อให้คุณทั้งคู่แก่หงำเหงือกแล้วก็เถอะ ลองมาบอกว่าเคยกุ๊กกิ๊กกันกับเพื่อนเขา ต่อให้คุณไม่ได้มีอะไรกับเพื่อนเขาก็เถอะ แค่จีบๆกัน แต่การเก็บเรื่องแบบนี้ไว้ โดยไม่เล่าให้เขาฟังตั้งแต่ตอนที่มันเกิดขึ้นเริ่มแรก ก็เป็นเหมือนการ’หักหลัง’เขาแล้วล่ะครับ เพราะสำหรับผู้ชายเรานั้น ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการที่รู้เรื่องใดๆของแฟนเป็นคนสุดท้าย (มันเหมือนเป็นควายยังไงก็ไม่รู้!)....ทางที่ดีเก็บเรื่องนี้ไว้จนตาย หรือเขียนไว้ในไดอารี่อ่านคนเดียวดีกว่าครับ
2. ‘ดาราคนนี้น่ารักจัง แฟนชั้นเองแหละ!’
คุณอาจจะนั่งดูละครอยู่กับเพื่อนของคุณที่บ้าน แล้วเกิดนายเค็น ธีระเดชโผล่มาในจอ คุณดันขี้เล่น พูดว่า ‘เค็นเนี่ย แฟนชั้นเองแหละ!’ เพื่อนๆคุณอาจจะขำ แต่แฟนคุณขำไม่ออกแน่ ก็แหม…มันแสดงให้เห็นส่วนลึกของคุณแล้วว่า หลงใหลติดใจในรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งแฟนคุณเขาอาจจะเทียบกับคนอื่นๆไม่ได้ และมีปมด้อยอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องของฐานะด้วย ถ้าเห็นใครรวยๆไฮโซๆ ในสื่อต่างๆ อย่าแสดงอาการออกนอกหน้าเด็ดขาด! เพราะความน้อยใจของเขาจะสะสมจนกลายเป็นความคับแค้น
3. ‘ชั้นเคยมีแฟนมาเป็นสิบๆคน’
หึหึ…..คุณเอ๋ย ระวังให้ดี ประโยคนี้ถ้าพูดให้เขาเข้าใจว่าเป็นมุขตลกได้ หรือพูดให้เขารู้ว่าคุณ’หยุด’เรื่องรักไว้ที่เขาแล้วล่ะก็ คุณก็รอดตัวไป……แต่ถ้าคุณพูดด้วยเจตนาเกทับ หรืออวดเสน่ห์ของตัวเองล่ะก็ รับรองว่าคุณพ่อบ้านไม่ปลื้มแน่นอน! ถึงมันจะเคยเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะมาเป็นแฟนเขาก็ตาม คงไม่มีใครอยากใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงสำส่อน แถมเขาอาจจะคิดมากว่า คุณเป็นพวกบ้าผู้ชาย แล้วก็อาจจะระแวงพฤติกรรมดังกล่าวของคุณต่อไปในอนาคตด้วย
4. ‘สมัยก่อนคุณเจ๋งกว่านี้เยอะ’
อ้าวๆๆ…..หาเรื่องใส่ตัวแล้วมั้ยล่ะ? อยู่ดีๆ ไปทักเรื่องความเสื่อมโทรมตามวัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของริ้วรอย ตีนกา หรือกำลังวังชาใดๆก็ตาม รวมไปถึงเรื่องบนเตียงด้วย….ห้ามเลยนะครับ เพราะสิ่งเดียวที่มนุษย์เราต้องยอมจำนน ก็คือสังขารนั่นแหละครับ ไม่มีใครฝืนธรรมชาติได้ การที่คุณเกริ่นๆออกมา จะทำให้เขาเสียใจ และโมโห ไล่ให้คุณไปหาผู้ชายคนอื่นนอกบ้าน มันจะไม่เข้าเรื่องนะครับ
การใช้ชีวิตคู่นั้น ควรมีแต่ความผ่อนคลายสบายใจก็จริงอยู่ แต่ต้องคอยสำรวมความคิดและคำพูดให้ดี อย่าทำอะไรด้วยความพลั้งเผลอ จนอาจสร้างบาดแผลทางใจให้อีกฝ่ายได้….. ใส่ใจในคำพูดเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ เรื่องบางเรื่องถ้าอยากเม๊าท์ ก็หาเพื่อนสนิทซักคนที่ไว้ใจได้ เอาไว้เป็นที่ระบายดีกว่าครับ….ส่วนคนรักนั้น ควรจะหยิบยื่นแต่เรื่องดีๆให้แก่กัน จะได้มีความสุขในบ้าน ไว้เป็นกำลังใจให้กับชีวิตในทุกๆวันครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=712
1. ‘ชั้นกับเพื่อนคุณ เคยจีบๆกันด้วย’
โอ้โหย!.....อันนี้ล่ะเป็นเรื่องแน่นอน คุณคิดเหรอว่าเขาจะไม่คิดมาก? ต่อให้คุณทั้งคู่แก่หงำเหงือกแล้วก็เถอะ ลองมาบอกว่าเคยกุ๊กกิ๊กกันกับเพื่อนเขา ต่อให้คุณไม่ได้มีอะไรกับเพื่อนเขาก็เถอะ แค่จีบๆกัน แต่การเก็บเรื่องแบบนี้ไว้ โดยไม่เล่าให้เขาฟังตั้งแต่ตอนที่มันเกิดขึ้นเริ่มแรก ก็เป็นเหมือนการ’หักหลัง’เขาแล้วล่ะครับ เพราะสำหรับผู้ชายเรานั้น ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการที่รู้เรื่องใดๆของแฟนเป็นคนสุดท้าย (มันเหมือนเป็นควายยังไงก็ไม่รู้!)....ทางที่ดีเก็บเรื่องนี้ไว้จนตาย หรือเขียนไว้ในไดอารี่อ่านคนเดียวดีกว่าครับ
2. ‘ดาราคนนี้น่ารักจัง แฟนชั้นเองแหละ!’
คุณอาจจะนั่งดูละครอยู่กับเพื่อนของคุณที่บ้าน แล้วเกิดนายเค็น ธีระเดชโผล่มาในจอ คุณดันขี้เล่น พูดว่า ‘เค็นเนี่ย แฟนชั้นเองแหละ!’ เพื่อนๆคุณอาจจะขำ แต่แฟนคุณขำไม่ออกแน่ ก็แหม…มันแสดงให้เห็นส่วนลึกของคุณแล้วว่า หลงใหลติดใจในรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งแฟนคุณเขาอาจจะเทียบกับคนอื่นๆไม่ได้ และมีปมด้อยอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องของฐานะด้วย ถ้าเห็นใครรวยๆไฮโซๆ ในสื่อต่างๆ อย่าแสดงอาการออกนอกหน้าเด็ดขาด! เพราะความน้อยใจของเขาจะสะสมจนกลายเป็นความคับแค้น
3. ‘ชั้นเคยมีแฟนมาเป็นสิบๆคน’
หึหึ…..คุณเอ๋ย ระวังให้ดี ประโยคนี้ถ้าพูดให้เขาเข้าใจว่าเป็นมุขตลกได้ หรือพูดให้เขารู้ว่าคุณ’หยุด’เรื่องรักไว้ที่เขาแล้วล่ะก็ คุณก็รอดตัวไป……แต่ถ้าคุณพูดด้วยเจตนาเกทับ หรืออวดเสน่ห์ของตัวเองล่ะก็ รับรองว่าคุณพ่อบ้านไม่ปลื้มแน่นอน! ถึงมันจะเคยเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะมาเป็นแฟนเขาก็ตาม คงไม่มีใครอยากใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงสำส่อน แถมเขาอาจจะคิดมากว่า คุณเป็นพวกบ้าผู้ชาย แล้วก็อาจจะระแวงพฤติกรรมดังกล่าวของคุณต่อไปในอนาคตด้วย
4. ‘สมัยก่อนคุณเจ๋งกว่านี้เยอะ’
อ้าวๆๆ…..หาเรื่องใส่ตัวแล้วมั้ยล่ะ? อยู่ดีๆ ไปทักเรื่องความเสื่อมโทรมตามวัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของริ้วรอย ตีนกา หรือกำลังวังชาใดๆก็ตาม รวมไปถึงเรื่องบนเตียงด้วย….ห้ามเลยนะครับ เพราะสิ่งเดียวที่มนุษย์เราต้องยอมจำนน ก็คือสังขารนั่นแหละครับ ไม่มีใครฝืนธรรมชาติได้ การที่คุณเกริ่นๆออกมา จะทำให้เขาเสียใจ และโมโห ไล่ให้คุณไปหาผู้ชายคนอื่นนอกบ้าน มันจะไม่เข้าเรื่องนะครับ
การใช้ชีวิตคู่นั้น ควรมีแต่ความผ่อนคลายสบายใจก็จริงอยู่ แต่ต้องคอยสำรวมความคิดและคำพูดให้ดี อย่าทำอะไรด้วยความพลั้งเผลอ จนอาจสร้างบาดแผลทางใจให้อีกฝ่ายได้….. ใส่ใจในคำพูดเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ เรื่องบางเรื่องถ้าอยากเม๊าท์ ก็หาเพื่อนสนิทซักคนที่ไว้ใจได้ เอาไว้เป็นที่ระบายดีกว่าครับ….ส่วนคนรักนั้น ควรจะหยิบยื่นแต่เรื่องดีๆให้แก่กัน จะได้มีความสุขในบ้าน ไว้เป็นกำลังใจให้กับชีวิตในทุกๆวันครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=712
8 วิธีโปรยสเน่ห์ให้เพศตรงข้าม แบบไม่ทิ้งความเป็นคุณ
เสน่ห์ในตัวคุณ เป็นสิ่งที่บริหารได้ หรือเพิ่มได้ ซึ่งหากคุณอยากจะเพิ่มสเน่ห์จริงๆ ก็ต้องใช้การฝึกปฏิบัติ และใช้เวลาด้วย ฝึกปฏิบัติบ่อยๆ จะกลายเป็นความเคยชิน ถ้าคุณคิดว่า มีสเน่ห์อยู่แล้ว ก็ข้ามไปได้เลย แต่ถ้าคิดว่า เสน่ห์ยังไม่เต็มร้อย ลองดูนะจ๊ะ
1. พัฒนาลักษณะท่าทางของคุณ (การเดิน การนั่ง อิริยาบถต่างๆ)
ลักษณะท่าท่างของคุณ เป็นสิ่งแรกที่จะสร้างความประทับใจไปสู่คนอื่น มันแสดงถึงความมั่นใจในตัวคุณเอง การเดินที่ดึงดูดสายตาของคนอื่น ก็เป็นหลักทั่วไป ที่ต้องหลังตรง ไหล่ไม่ตก ไม่ก้มหน้ามากนัก แน่นอนว่า มันอาจจะไม่ชิน เมื่อคุณทำในตอนแรกๆ แต่ถ้าฝึกปฏิบัติบ่อยๆ แล้วคุณรู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง
2. ทำหน้าตาให้รีแลกซ์
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ให้หน้ารู้สึกสบายๆ เวลาเครียดก็เตือนตัวเองเข้าไว้ว่า ยิ่งทำหน้าตึงๆ ก็จะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ยิ้มบ้าง หลับตาบ้าง หัวเราะบ้าง ยืดเส้นยืดสายบนใบหน้า
3. ใช้สายตา เป็นการเชื่อมต่อ
เวลาสนทนากับผู้อื่น ใช้การสบตา ช่วยให้สื่อสารกันได้เข้าใจเร็วขึ้น ดวงตายังสามารถใช้สร้างรอยยิ้มได้ ฝึกปฏิบัติบ่อยๆ ได้ ให้ชิน โดยไม่ต้องกังวลว่า ปฏิกิริยาตอบรับ จากผู้พูด หรือฝ่ายตรงข้าม จะเป็นเช่นไร
4. จำชื่อของคนอื่นให้ได้
เมื่อคุณเจอเพื่อนใหม่ วิธีที่จะช่วยให้จำชื่อของเขาหรือเธอได้ คือการพูดชื่อของเขาซ้ำ พร้อมกับแนะนำชื่อของตัวคุณเองไปด้วย เช่น สวัสดีครับคุณ (..ชื่อ...) ผม (..ชื่อ..)ครับ และอาจมีการพูดอะไรกันอีกเล็กน้อย โดยมีการพูดชื่อของเขาหรือเธอ ซ้ำอีกสองสามครั้ง นอกจากการพูดชื่อซ้ำ จะช่วยให้จำชื่อได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้สนิทกัน เพื่อติดต่อธุระกันในคราวหน้าได้อีก และถ้าคิดว่า เขาจะเป็นเพื่อนกับคุณได้ และคุณกลัวจะลืมชื่อของเขาเสีย จะจดโน๊ตเอาไว้ในไดอารี่ส่วนตัวก็ได้
5. คุยกันเรื่องงานอดิเรก
คนที่คุณเพิ่งรู้จัก ไม่ว่าจะอายุมากกว่า หรือน้อยกว่า เปิดประเด็นคุยเรื่องานอดิเรก ที่เขาหรือเธอสนใจ
เป็นการทำความรู้จักันในเบื้องต้น ที่จะได้พูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ที่ได้พูดคุยในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็จะสนุก คุยกันเรื่องานอดิเรก เป็นการรู้จักตัวตนของแต่ละฝ่าย ไม่ได้ก้าวล้ำไปในเรื่องส่วนตัว และมันก็ (อาจจะ) น่าสนุก กว่าคุยกันแต่เรื่องงาน ถ้าบังเอิญมีสิ่งที่สนใจคล้ายๆ กัน ก็คุยกันถูกคอเลยล่ะ ทีนี้
6. ชมบุคคลที่สาม แทนการซุบซิบนินทาดีกว่านะ
เวลาอยู่กับคนๆ หนึ่ง และพูดถึงเรื่องของอีกคนหนึ่ง เรื่องมันมักจะเป็นพูดถึงด้านลบของคนอื่น (คงเป็นเพราะสนุก) แต่คุณเลือกที่จะพูดถึงด้านดีของคนอื่นได้ หรือเฉยๆ ก็ได้ เมื่อเลือกที่จะไม่พูดต่อว่าคนอื่น ตอนที่เขาไม่อยู่ จะเพิ่มเสน่ห์ให้คุณได้มาก และคนที่คุณพูดอยู่ด้วย ก็ย่อมรู้สึกไว้ใจคุณ ทำแบบนี้ไปบ่อยๆ คนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ ก็จะรู้สึกสบายใจ ที่ได้คุยกับคุณนะจ๊ะ
7. ปรับระดับน้ำเสียง (ให้ดีขึ้นได้)
ระดับน้ำเสียง มีผลต่อการเพิ่มเสน่ห์ในตัวคุณได้ น้ำเสียงที่สุภาพ จะช่วยสร้างความประทับใจ คุณอาจจะสนุกมากขึ้น เมื่อใส่ใจกับการใช้ระดับน้ำเสียงให้เหมาะสม ตอนที่พูดออกไป อย่างเช่นคุณจะชมคนอื่นว่า “วันนี้คุณดูดีจัง” ถ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน ฟังชัด ก็ทำให้ผู้ถูกชม รู้สึกดีกว่า
คุณอาจจะนึกถึงสถานการณ์ และฝึกพูดด้วยน้ำเสียงแบบต่างๆ ตอนอยู่ที่บ้าน และเมื่อต้องใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ก็นำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติ
8. ยิ้มให้เห็นฟันขาว
ถ้าฟันของคุณยังไม่ขาว ใช้ยาสีฟันสูตรฟันขาวซะก่อน ^^ และยิ้มให้คนอื่น โดยการเปิดให้เห็นฟันขาวสดใส เพราะเป็นรอยยิ้ม ที่มองแล้วสวยงาม กว่า ยิ้มแบบปิดปากเอาไว้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=715
1. พัฒนาลักษณะท่าทางของคุณ (การเดิน การนั่ง อิริยาบถต่างๆ)
ลักษณะท่าท่างของคุณ เป็นสิ่งแรกที่จะสร้างความประทับใจไปสู่คนอื่น มันแสดงถึงความมั่นใจในตัวคุณเอง การเดินที่ดึงดูดสายตาของคนอื่น ก็เป็นหลักทั่วไป ที่ต้องหลังตรง ไหล่ไม่ตก ไม่ก้มหน้ามากนัก แน่นอนว่า มันอาจจะไม่ชิน เมื่อคุณทำในตอนแรกๆ แต่ถ้าฝึกปฏิบัติบ่อยๆ แล้วคุณรู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง
2. ทำหน้าตาให้รีแลกซ์
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ให้หน้ารู้สึกสบายๆ เวลาเครียดก็เตือนตัวเองเข้าไว้ว่า ยิ่งทำหน้าตึงๆ ก็จะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ยิ้มบ้าง หลับตาบ้าง หัวเราะบ้าง ยืดเส้นยืดสายบนใบหน้า
3. ใช้สายตา เป็นการเชื่อมต่อ
เวลาสนทนากับผู้อื่น ใช้การสบตา ช่วยให้สื่อสารกันได้เข้าใจเร็วขึ้น ดวงตายังสามารถใช้สร้างรอยยิ้มได้ ฝึกปฏิบัติบ่อยๆ ได้ ให้ชิน โดยไม่ต้องกังวลว่า ปฏิกิริยาตอบรับ จากผู้พูด หรือฝ่ายตรงข้าม จะเป็นเช่นไร
4. จำชื่อของคนอื่นให้ได้
เมื่อคุณเจอเพื่อนใหม่ วิธีที่จะช่วยให้จำชื่อของเขาหรือเธอได้ คือการพูดชื่อของเขาซ้ำ พร้อมกับแนะนำชื่อของตัวคุณเองไปด้วย เช่น สวัสดีครับคุณ (..ชื่อ...) ผม (..ชื่อ..)ครับ และอาจมีการพูดอะไรกันอีกเล็กน้อย โดยมีการพูดชื่อของเขาหรือเธอ ซ้ำอีกสองสามครั้ง นอกจากการพูดชื่อซ้ำ จะช่วยให้จำชื่อได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้สนิทกัน เพื่อติดต่อธุระกันในคราวหน้าได้อีก และถ้าคิดว่า เขาจะเป็นเพื่อนกับคุณได้ และคุณกลัวจะลืมชื่อของเขาเสีย จะจดโน๊ตเอาไว้ในไดอารี่ส่วนตัวก็ได้
5. คุยกันเรื่องงานอดิเรก
คนที่คุณเพิ่งรู้จัก ไม่ว่าจะอายุมากกว่า หรือน้อยกว่า เปิดประเด็นคุยเรื่องานอดิเรก ที่เขาหรือเธอสนใจ
เป็นการทำความรู้จักันในเบื้องต้น ที่จะได้พูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ที่ได้พูดคุยในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็จะสนุก คุยกันเรื่องานอดิเรก เป็นการรู้จักตัวตนของแต่ละฝ่าย ไม่ได้ก้าวล้ำไปในเรื่องส่วนตัว และมันก็ (อาจจะ) น่าสนุก กว่าคุยกันแต่เรื่องงาน ถ้าบังเอิญมีสิ่งที่สนใจคล้ายๆ กัน ก็คุยกันถูกคอเลยล่ะ ทีนี้
6. ชมบุคคลที่สาม แทนการซุบซิบนินทาดีกว่านะ
เวลาอยู่กับคนๆ หนึ่ง และพูดถึงเรื่องของอีกคนหนึ่ง เรื่องมันมักจะเป็นพูดถึงด้านลบของคนอื่น (คงเป็นเพราะสนุก) แต่คุณเลือกที่จะพูดถึงด้านดีของคนอื่นได้ หรือเฉยๆ ก็ได้ เมื่อเลือกที่จะไม่พูดต่อว่าคนอื่น ตอนที่เขาไม่อยู่ จะเพิ่มเสน่ห์ให้คุณได้มาก และคนที่คุณพูดอยู่ด้วย ก็ย่อมรู้สึกไว้ใจคุณ ทำแบบนี้ไปบ่อยๆ คนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ ก็จะรู้สึกสบายใจ ที่ได้คุยกับคุณนะจ๊ะ
7. ปรับระดับน้ำเสียง (ให้ดีขึ้นได้)
ระดับน้ำเสียง มีผลต่อการเพิ่มเสน่ห์ในตัวคุณได้ น้ำเสียงที่สุภาพ จะช่วยสร้างความประทับใจ คุณอาจจะสนุกมากขึ้น เมื่อใส่ใจกับการใช้ระดับน้ำเสียงให้เหมาะสม ตอนที่พูดออกไป อย่างเช่นคุณจะชมคนอื่นว่า “วันนี้คุณดูดีจัง” ถ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน ฟังชัด ก็ทำให้ผู้ถูกชม รู้สึกดีกว่า
คุณอาจจะนึกถึงสถานการณ์ และฝึกพูดด้วยน้ำเสียงแบบต่างๆ ตอนอยู่ที่บ้าน และเมื่อต้องใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ก็นำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติ
8. ยิ้มให้เห็นฟันขาว
ถ้าฟันของคุณยังไม่ขาว ใช้ยาสีฟันสูตรฟันขาวซะก่อน ^^ และยิ้มให้คนอื่น โดยการเปิดให้เห็นฟันขาวสดใส เพราะเป็นรอยยิ้ม ที่มองแล้วสวยงาม กว่า ยิ้มแบบปิดปากเอาไว้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=715
8 ขั้นตอนบอกเลิกกับแฟน ให้(แฟน) เจ็บน้อยที่สุด
(555555+)
คุณอาจจะกำลังไม่มีความสุข กับคนที่คบกันอยู่ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเรา นี่เป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ ถ้าคุณคิดจะบอกเลิกกับแฟนจริงๆ
1. การบอกเลิก จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว สิ่งที่คุณต้องคิดก็คือ ลดความเจ็บปวดให้น้อยลง เหมือนกับเวลาที่คุณลอกพลาสเตอร์ออกจากผิวหนัง ถ้าคุณ รูดปรื๊ด มันก็จะเจ็บแป็ปเดียว แล้วก็หาย แต่ถ้าคุณดึงออกช้าๆ เนิบๆ มันก็จะเจ็บนานกว่า
2. อย่าไปโทรบอกเลิก ทางโทรศัพท์ ส่งข้อความ หรือทางอีเมล์ โดยเด็ดขาด มันเป็นการไม่ให้เกียรติกันเอาซะเลย ควรจะออกแรงไปหา และบอกตรงๆ ต่อหน้า ให้ชัดเจนดีกว่า
3. พยายามอย่าตำหนิฝ่ายตรงข้าม ว่าเธอไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ เตรียมเหตุผลอื่นๆ ของคุณไว้ก่อนก็ดี ว่าทำไมถึงตัดสินใจบอกเลิก ก่อนที่จะไปบอกเลิกเขาหรือเธอ ถ้าจะตำหนิ ก็อธิบายให้ชัดเจน ว่าเขาหรือเธอ ทำไม่ดีอย่างนี้ แล้วส่งผลไม่ดี กับคุณยังไง เค้าจะได้เจ็บแบบเข้าใจ ยอมรับได้
4. ตอนนี้ก็บอกว่า “มีธุระสำคัญอะไร ก็ยังติดต่อกันได้”
5. อย่าเพิ่งไปบอกว่า “เราเป็นเพื่อนกันได้นะ” มันจะยิ่งทำให้เขาหรือเธอ เจ็บปวด จี๊ดๆ
6. อย่าเพิ่งไปคุยในกลุ่มเพื่อน ว่าคุณเลิกกับเขาหรือเธอ เพราะเรื่องมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทา ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
7. ห้ามเด็ดขาด กับประโยคน้ำเน่า สุดคลาสสิก อย่างเช่น “ไม่ได้เป็นเพราะเธอหรอก แต่เป็นเพราะฉันเอง”
8. พักสักนิดเป็นไร ก่อนที่จะหาแฟนใหม่ หรือไอ้การหาแฟนใหม่ก่อน แล้วค่อยมาบอกเลิก! ก็ไม่ควรทำเช่นกัน
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=724
คุณอาจจะกำลังไม่มีความสุข กับคนที่คบกันอยู่ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเรา นี่เป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ ถ้าคุณคิดจะบอกเลิกกับแฟนจริงๆ
1. การบอกเลิก จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว สิ่งที่คุณต้องคิดก็คือ ลดความเจ็บปวดให้น้อยลง เหมือนกับเวลาที่คุณลอกพลาสเตอร์ออกจากผิวหนัง ถ้าคุณ รูดปรื๊ด มันก็จะเจ็บแป็ปเดียว แล้วก็หาย แต่ถ้าคุณดึงออกช้าๆ เนิบๆ มันก็จะเจ็บนานกว่า
2. อย่าไปโทรบอกเลิก ทางโทรศัพท์ ส่งข้อความ หรือทางอีเมล์ โดยเด็ดขาด มันเป็นการไม่ให้เกียรติกันเอาซะเลย ควรจะออกแรงไปหา และบอกตรงๆ ต่อหน้า ให้ชัดเจนดีกว่า
3. พยายามอย่าตำหนิฝ่ายตรงข้าม ว่าเธอไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ เตรียมเหตุผลอื่นๆ ของคุณไว้ก่อนก็ดี ว่าทำไมถึงตัดสินใจบอกเลิก ก่อนที่จะไปบอกเลิกเขาหรือเธอ ถ้าจะตำหนิ ก็อธิบายให้ชัดเจน ว่าเขาหรือเธอ ทำไม่ดีอย่างนี้ แล้วส่งผลไม่ดี กับคุณยังไง เค้าจะได้เจ็บแบบเข้าใจ ยอมรับได้
4. ตอนนี้ก็บอกว่า “มีธุระสำคัญอะไร ก็ยังติดต่อกันได้”
5. อย่าเพิ่งไปบอกว่า “เราเป็นเพื่อนกันได้นะ” มันจะยิ่งทำให้เขาหรือเธอ เจ็บปวด จี๊ดๆ
6. อย่าเพิ่งไปคุยในกลุ่มเพื่อน ว่าคุณเลิกกับเขาหรือเธอ เพราะเรื่องมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทา ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
7. ห้ามเด็ดขาด กับประโยคน้ำเน่า สุดคลาสสิก อย่างเช่น “ไม่ได้เป็นเพราะเธอหรอก แต่เป็นเพราะฉันเอง”
8. พักสักนิดเป็นไร ก่อนที่จะหาแฟนใหม่ หรือไอ้การหาแฟนใหม่ก่อน แล้วค่อยมาบอกเลิก! ก็ไม่ควรทำเช่นกัน
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=724
5 เคล็ดลับ ตามหาความรักออนไลน์
ความรักออนไลน์ เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความรัก ที่คุณต้องลงมือหาด้วยตัวเอง มีคนมากมายที่ต้องการจะพบความรัก เช่นเดียวกับคุณ ไม่มีใครรู้ว่า ความรักจะเข้ามาหาตัวเองเมื่อไหร่ แต่ทุกคนก็สามารถพยายามตามหาความรักได้ ดีกว่าการอยู่เฉยๆ และถ้าคุณพร้อมแล้ว โลกออนไลน์ ก็อาจจะทำให้คุณ พบความรักที่ใช่ สำหรับตัวคุณเองได้
1. ให้โอกาสตัวเอง ได้คุยทำความรู้จักกับคนเยอะๆ
ในโลกการหาคู่ออนไลน์ คุณมีทางเลือกที่จะไม่จำกัดตัวเอง ว่าจะคบคนเพียง “ประเภทที่คุณต้องการ” เท่านั้น ความหมายในที่นี้ ก็คือ ข้อมูลที่ผู้ใช้งานกรอกไว้ อาจไม่ใช่ข้อมูล ที่จริง 100 % ทั้งหมด ดังนั้นแล้ว การได้ลองคุยกับคนอื่น ที่ไม่ได้มีโปรไฟล์ตรงตามที่คุณต้องการบ้าง เช่นลองส่งข้อความคุยกันสัก 2 -3 ครั้ง อาจได้พบว่า จริงๆ แล้ว กลับมีรสนิยมคล้ายๆ กัน ในโลกออนไลน์ มีคนให้คุณเรียนรู้ตั้งเยอะ เปิดโอกาสให้ตัวเองเข้าไว้ คุยกับคนอื่นหลายๆ คน ถ้าไม่ถูกใจ ก็ค่อยเลิกคุยอย่างสุภาพก็ได้ ไม่เสียหาย
2. คุณต้องใส่รูป
ถ้าคิดจะจริงจัง คุณต้องใส่รูปของคุณลงในโปรไฟล์ด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง ฝ่ายตรงข้าม ย่อมต้องการเห็นรูปร่างหน้าตาของคุณก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มคุยกัน เช่นเดียวกัน กับที่คุณต้องการ เห็นรูปร่างหน้าตาของคนอื่น ก่อนที่จะทำความรู้จักกัน รูปที่ใส่ในโปรไฟล์ ก็ให้เป็นรูปในช่วงปัจจุบัน หรือก็อย่าให้เก่าเกินกว่า 2 ปี ก็พอ ถ้าไม่ใส่รูป ก็คงยากหน่อย ที่จะมีคนเข้ามาทำความรู้จัก... ไม่มีคนเข้ามาทำความรู้จัก ก็ไม่ได้เริ่มต้นที่จะได้เจอความรักสักที
3. เขียนข้อมูลในโปรไฟล์ให้สนุก
คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า “First impression” หรือความประทับใจแรกพบมาก่อน สิ่งนี้สร้างได้ ถ้าคุณใช้ความคิดสร้างสรรค์ เขียนโปรไฟล์ของคุณ ให้มีแง่มุมน่าสนใจ อ่านง่าย ก็จะเป็นการสร้างความประทับใจแรกพบ ให้อีกฝ่ายติดใจได้ ใช้วลาคิดสักครู่ก็ได้ และควรตรวจทานคำผิดให้เรียบร้อย นี่เป็นด่านแรกที่สำคัญ ของการหาความรัก บนโลกออนไลน์ มันมีส่วนช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้มาก
4. ฟังสัญญาณเตือนภายในใจตัวเอง
เมื่อคุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ ที่น่าสนใจ และคุยกันไป 2 -3 ครั้ง หรือออกเดทกันสักครั้ง แล้วคุณรู้ใจตัวเองดีว่า เขาหรือเธอ ไม่ใช่คนที่จะเข้ากันได้ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน จะได้ไปทำความรู้จักคนอื่น
แต่ถ้าคุณยังคิดคิดว่า คุณจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเขาให้ดีขึ้นได้ ถ้าคิดจะทำอย่างนั้นล่ะก็ ขอบอกว่า เป็นเรื่องที่ยากมากๆๆ
คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เสียเวลาไปในช่วงแรก แต่ถ้าฝืนคบไปต่อ และไปทำความรู้จักคนใหม่ คุณอาจจะต้องเหนื่อยรับมือ กับความวุ่นวาย
5. พบกันครั้งแรก ในที่สาธารณะ
ถึงแม้จะคุย กันทางอีเมล์ หรือโทรศัพท์คุยกันจนสนิทสักแค่ไหน ก็ควรไปพบกันในที่สาธารณะ ยังไงคุณก็ควรดูแลตัวเองไว้ก่อน พบกันครั้งแรกในที่สาธารณะก่อน เพื่อวิเคราะห์คู่เดทจากภาพรวม บุคลิกของเขา นิสัยใจคอ ทัศนคติ หรือแม้แต่รอยยิ้ม แววตาของเขา ก็พอจะช่วยให้คุณแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ที่มีต่อเขาได้
พบกันแล้ว จะถูกใจกัน หรือไม่ถูกใจกัน ก็เป็นการสะดวกสำหรับทั้งสองฝ่ายที่สุด ในการพบกันครั้งแรก
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=727
1. ให้โอกาสตัวเอง ได้คุยทำความรู้จักกับคนเยอะๆ
ในโลกการหาคู่ออนไลน์ คุณมีทางเลือกที่จะไม่จำกัดตัวเอง ว่าจะคบคนเพียง “ประเภทที่คุณต้องการ” เท่านั้น ความหมายในที่นี้ ก็คือ ข้อมูลที่ผู้ใช้งานกรอกไว้ อาจไม่ใช่ข้อมูล ที่จริง 100 % ทั้งหมด ดังนั้นแล้ว การได้ลองคุยกับคนอื่น ที่ไม่ได้มีโปรไฟล์ตรงตามที่คุณต้องการบ้าง เช่นลองส่งข้อความคุยกันสัก 2 -3 ครั้ง อาจได้พบว่า จริงๆ แล้ว กลับมีรสนิยมคล้ายๆ กัน ในโลกออนไลน์ มีคนให้คุณเรียนรู้ตั้งเยอะ เปิดโอกาสให้ตัวเองเข้าไว้ คุยกับคนอื่นหลายๆ คน ถ้าไม่ถูกใจ ก็ค่อยเลิกคุยอย่างสุภาพก็ได้ ไม่เสียหาย
2. คุณต้องใส่รูป
ถ้าคิดจะจริงจัง คุณต้องใส่รูปของคุณลงในโปรไฟล์ด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง ฝ่ายตรงข้าม ย่อมต้องการเห็นรูปร่างหน้าตาของคุณก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มคุยกัน เช่นเดียวกัน กับที่คุณต้องการ เห็นรูปร่างหน้าตาของคนอื่น ก่อนที่จะทำความรู้จักกัน รูปที่ใส่ในโปรไฟล์ ก็ให้เป็นรูปในช่วงปัจจุบัน หรือก็อย่าให้เก่าเกินกว่า 2 ปี ก็พอ ถ้าไม่ใส่รูป ก็คงยากหน่อย ที่จะมีคนเข้ามาทำความรู้จัก... ไม่มีคนเข้ามาทำความรู้จัก ก็ไม่ได้เริ่มต้นที่จะได้เจอความรักสักที
3. เขียนข้อมูลในโปรไฟล์ให้สนุก
คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า “First impression” หรือความประทับใจแรกพบมาก่อน สิ่งนี้สร้างได้ ถ้าคุณใช้ความคิดสร้างสรรค์ เขียนโปรไฟล์ของคุณ ให้มีแง่มุมน่าสนใจ อ่านง่าย ก็จะเป็นการสร้างความประทับใจแรกพบ ให้อีกฝ่ายติดใจได้ ใช้วลาคิดสักครู่ก็ได้ และควรตรวจทานคำผิดให้เรียบร้อย นี่เป็นด่านแรกที่สำคัญ ของการหาความรัก บนโลกออนไลน์ มันมีส่วนช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้มาก
4. ฟังสัญญาณเตือนภายในใจตัวเอง
เมื่อคุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ ที่น่าสนใจ และคุยกันไป 2 -3 ครั้ง หรือออกเดทกันสักครั้ง แล้วคุณรู้ใจตัวเองดีว่า เขาหรือเธอ ไม่ใช่คนที่จะเข้ากันได้ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน จะได้ไปทำความรู้จักคนอื่น
แต่ถ้าคุณยังคิดคิดว่า คุณจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเขาให้ดีขึ้นได้ ถ้าคิดจะทำอย่างนั้นล่ะก็ ขอบอกว่า เป็นเรื่องที่ยากมากๆๆ
คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เสียเวลาไปในช่วงแรก แต่ถ้าฝืนคบไปต่อ และไปทำความรู้จักคนใหม่ คุณอาจจะต้องเหนื่อยรับมือ กับความวุ่นวาย
5. พบกันครั้งแรก ในที่สาธารณะ
ถึงแม้จะคุย กันทางอีเมล์ หรือโทรศัพท์คุยกันจนสนิทสักแค่ไหน ก็ควรไปพบกันในที่สาธารณะ ยังไงคุณก็ควรดูแลตัวเองไว้ก่อน พบกันครั้งแรกในที่สาธารณะก่อน เพื่อวิเคราะห์คู่เดทจากภาพรวม บุคลิกของเขา นิสัยใจคอ ทัศนคติ หรือแม้แต่รอยยิ้ม แววตาของเขา ก็พอจะช่วยให้คุณแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ที่มีต่อเขาได้
พบกันแล้ว จะถูกใจกัน หรือไม่ถูกใจกัน ก็เป็นการสะดวกสำหรับทั้งสองฝ่ายที่สุด ในการพบกันครั้งแรก
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=727
10 วิธีช่วยให้ลืมรักครั้งเก่าให้ได้
คนอกหักหลายคน เจอกับประสบการณ์ว่า จะทำอย่างไร ถึงจะลืมรักเก่าให้ได้ หรือจะลบความรู้สึกที่มีแต่แฟนเก่า เข้ามาครอบงำจิตใจอยู่ ได้อย่างไร? คุณอาจจะเคยได้ยินปัญหาแบบนี้มาสักครั้งในที่ทำงาน 10 ข้อต่อไปนี้ เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เรื่องราวอกหัก มันจบๆ ไปเสีย และทำใจให้พร้อมเพื่อก้าวต่อไป.... ออกเดทอีกครั้ง จนได้พบกันคนที่ใช่จริงๆ
1. ลบเบอร์โทรศัพท์ของแฟนเก่าออกจากโทรศัพท์ซะก่อน เพราะหากเก็บเอาไว้ แล้วคุณเห็นมันทีไร ก็มีแต่จะทำให้หงุดหงิด และโมโห ทำไมจะต้องทำตัวเองให้เจ็บปวด? ลบสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ระลึกถึงเขาหรือเธอ ออกจากสิ่งรอบๆ ตัว ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน
2. หยุดเล่าเรื่องราวที่เลิกกันให้คนอื่นฟัง มันเศร้า! ถึงมีว่าจะมีคนหลายคน ที่พร้อมจะให้คำแนะนำ หรืออยากจะช่วยเหลือคุณ แต่ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นมันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ควรจะหยุดพูดถึงแฟนเก่าเอาไว้เท่านั้นดีกว่า จะได้ไม่เจ็บปวด และเปิดใจ พร้อมมีรักใหม่ ที่อาจจะดีกว่าเดิมก็ได้
3. จดเรื่องแย่ๆ ของแฟนเก่าออกมาเป็นข้อๆ ลองดูได้ ไม่เป็นไร นั่งคิดดู จะได้มีเวลาทบทวน จะได้รู้หรือเข้าใจได้ว่า เขาหรือเธอ อาจไม่ใช่ คนที่จะมาเป็นคู่แท้กันจริง บางทีใจของคุณอาจจะคิดมากเกินไป ถึงแต่เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นตอนที่ยังคบกัน ยังไงก็ลองทำตามวิธีนี้ดู จะได้ทำใจได้ว่า ที่ผ่านมา มันไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ ไปซะทั้งหมด
4. เลิกขับรถผ่านบ้านแฟนเก่า หรือผ่านไปบ่อยๆ หยุดการไปผ่านบ้านเขาหรือเธอบ่อยๆ หรือไปแถวๆ ที่ทำงาน เพื่อดูว่าเขาหรือเธอยังอยู่ดีเป็นสุขหรือเปล่า การทำอย่างนี้ จะยิ่งทำให้คุณ ไม่ได้ทำอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิม และยังอาจเป็นการทำลายความมั่นใจในตัวเองของคุณให้ลดน้อยลงด้วย
5. สวดมนต์ หรือท่องคำพูดดีๆ ให้ตัวเองได้ยิน ในช่วงเวลาที่เรื่องของแฟนเก่า เข้ามากระทบจิตใจ อย่างเช่น ท่องคำพูดว่า “ฉันควรจะได้พบกับคนที่รักกันจริงๆ” เป็นประจำ ความรู้สึกของคุณจะค่อยๆ ดีขึ้น มองโลกในแง่ดีบ้างแบบนี้ ช่วยให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น และพร้อมที่จะมีรักใหม่ได้
6. หยุดตำหนิตัวเอง ถ้าคุณคิดว่า คุณยังทำได้ไม่ดีพอ และน่าจะทำอะไร ที่ทำให้ไม่ต้องเลิกกันได้ ลองคิดใหม่อีกครั้ง... ถ้าหากจะมีใครรักคุณ เขาหรือเธอ จะรับในสิ่งที่คุณทำผิดพลาดได้ ถ้าเกิดคนสองคนมีความหมายต่อกันจริงๆ เขาหรือเธอ จะต่อสู้ เพื่อที่จะมีคุณในชีวิต ถ้าเขาไม่ทำ เขาไม่ได้เป็นคนที่มีค่ามากมายสำหรับคุณ
7. ออกไปเที่ยว ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ซะบ้าง ถ้าเพื่อนของคุณกับแฟนเก่า เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ลองหาเพื่อนใหม่นอกเหนือจากนี้ การได้ลองเปลี่ยน หรือทำอะไรใหม่ในชีวิต จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี จะได้ไม่ต้องจมอยู่กับเรื่องแย่ๆ เก่าๆ เพียงอย่างเดียว
8. มั่นใจในตัวเอง เหตุผลที่เลิกกัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะคุณ ทางที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่จะลืมรักแย่ๆ ในครั้งเก่าให้ได้ คือต้องรักในตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งคุณมอบความรักให้กับตัวเองได้ มากกว่า ที่แฟนเก่าของคุณจะทำให้กับคุณเสียอีก การบอกตัวเองให้เชื่อมั่น จะทำให้ใจเข้มแข็ง รักตัวเอง และยอมรับตัวเองมากขึ้น (ซึ่งสำคัญมาก ที่จะต้องยอมรับตัวเองให้ได้ก่อน) และหลังจากนั้น เสน่ห์ของคุณ ก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
9. จดรายการ สิ่งที่คุณต้องการ ในสายสัมพันธ์ กับคนเก่า คุณอาจจะถูกใจกัน และก็เริ่มคบกันเลย ซึ่งการที่คุณจดรายการออกมาว่า จะประทับใจใครคนหนึ่ง เขาหรือเธอ จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง จะช่วยให้เข้าใจตัวเอง ก่อนที่จะตามหารักใหม่ หรืออย่างน้อยก็หาคนที่ใกล้เคียงกันได้ก็ดี
10. นึกภาพตัวเองมีความสุข ใช้เวลาวันละ 10 นาที นึกภาพตัวเองมีความสุขในความรัก กับใครสักคนหนึ่ง ในตอนเริ่มต้นอาจจะไม่ง่าย และอาจจะทำให้ร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ แต่เมื่อทำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายลง เป็นการให้ความหวัง และกำลังใจกับตัวเอง และตามหาความรัก ที่ใช่สำหรับคุณจริงๆ
1. ลบเบอร์โทรศัพท์ของแฟนเก่าออกจากโทรศัพท์ซะก่อน เพราะหากเก็บเอาไว้ แล้วคุณเห็นมันทีไร ก็มีแต่จะทำให้หงุดหงิด และโมโห ทำไมจะต้องทำตัวเองให้เจ็บปวด? ลบสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ระลึกถึงเขาหรือเธอ ออกจากสิ่งรอบๆ ตัว ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน
2. หยุดเล่าเรื่องราวที่เลิกกันให้คนอื่นฟัง มันเศร้า! ถึงมีว่าจะมีคนหลายคน ที่พร้อมจะให้คำแนะนำ หรืออยากจะช่วยเหลือคุณ แต่ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นมันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ควรจะหยุดพูดถึงแฟนเก่าเอาไว้เท่านั้นดีกว่า จะได้ไม่เจ็บปวด และเปิดใจ พร้อมมีรักใหม่ ที่อาจจะดีกว่าเดิมก็ได้
3. จดเรื่องแย่ๆ ของแฟนเก่าออกมาเป็นข้อๆ ลองดูได้ ไม่เป็นไร นั่งคิดดู จะได้มีเวลาทบทวน จะได้รู้หรือเข้าใจได้ว่า เขาหรือเธอ อาจไม่ใช่ คนที่จะมาเป็นคู่แท้กันจริง บางทีใจของคุณอาจจะคิดมากเกินไป ถึงแต่เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นตอนที่ยังคบกัน ยังไงก็ลองทำตามวิธีนี้ดู จะได้ทำใจได้ว่า ที่ผ่านมา มันไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ ไปซะทั้งหมด
4. เลิกขับรถผ่านบ้านแฟนเก่า หรือผ่านไปบ่อยๆ หยุดการไปผ่านบ้านเขาหรือเธอบ่อยๆ หรือไปแถวๆ ที่ทำงาน เพื่อดูว่าเขาหรือเธอยังอยู่ดีเป็นสุขหรือเปล่า การทำอย่างนี้ จะยิ่งทำให้คุณ ไม่ได้ทำอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิม และยังอาจเป็นการทำลายความมั่นใจในตัวเองของคุณให้ลดน้อยลงด้วย
5. สวดมนต์ หรือท่องคำพูดดีๆ ให้ตัวเองได้ยิน ในช่วงเวลาที่เรื่องของแฟนเก่า เข้ามากระทบจิตใจ อย่างเช่น ท่องคำพูดว่า “ฉันควรจะได้พบกับคนที่รักกันจริงๆ” เป็นประจำ ความรู้สึกของคุณจะค่อยๆ ดีขึ้น มองโลกในแง่ดีบ้างแบบนี้ ช่วยให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น และพร้อมที่จะมีรักใหม่ได้
6. หยุดตำหนิตัวเอง ถ้าคุณคิดว่า คุณยังทำได้ไม่ดีพอ และน่าจะทำอะไร ที่ทำให้ไม่ต้องเลิกกันได้ ลองคิดใหม่อีกครั้ง... ถ้าหากจะมีใครรักคุณ เขาหรือเธอ จะรับในสิ่งที่คุณทำผิดพลาดได้ ถ้าเกิดคนสองคนมีความหมายต่อกันจริงๆ เขาหรือเธอ จะต่อสู้ เพื่อที่จะมีคุณในชีวิต ถ้าเขาไม่ทำ เขาไม่ได้เป็นคนที่มีค่ามากมายสำหรับคุณ
7. ออกไปเที่ยว ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ซะบ้าง ถ้าเพื่อนของคุณกับแฟนเก่า เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ลองหาเพื่อนใหม่นอกเหนือจากนี้ การได้ลองเปลี่ยน หรือทำอะไรใหม่ในชีวิต จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี จะได้ไม่ต้องจมอยู่กับเรื่องแย่ๆ เก่าๆ เพียงอย่างเดียว
8. มั่นใจในตัวเอง เหตุผลที่เลิกกัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะคุณ ทางที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่จะลืมรักแย่ๆ ในครั้งเก่าให้ได้ คือต้องรักในตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งคุณมอบความรักให้กับตัวเองได้ มากกว่า ที่แฟนเก่าของคุณจะทำให้กับคุณเสียอีก การบอกตัวเองให้เชื่อมั่น จะทำให้ใจเข้มแข็ง รักตัวเอง และยอมรับตัวเองมากขึ้น (ซึ่งสำคัญมาก ที่จะต้องยอมรับตัวเองให้ได้ก่อน) และหลังจากนั้น เสน่ห์ของคุณ ก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
9. จดรายการ สิ่งที่คุณต้องการ ในสายสัมพันธ์ กับคนเก่า คุณอาจจะถูกใจกัน และก็เริ่มคบกันเลย ซึ่งการที่คุณจดรายการออกมาว่า จะประทับใจใครคนหนึ่ง เขาหรือเธอ จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง จะช่วยให้เข้าใจตัวเอง ก่อนที่จะตามหารักใหม่ หรืออย่างน้อยก็หาคนที่ใกล้เคียงกันได้ก็ดี
10. นึกภาพตัวเองมีความสุข ใช้เวลาวันละ 10 นาที นึกภาพตัวเองมีความสุขในความรัก กับใครสักคนหนึ่ง ในตอนเริ่มต้นอาจจะไม่ง่าย และอาจจะทำให้ร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ แต่เมื่อทำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายลง เป็นการให้ความหวัง และกำลังใจกับตัวเอง และตามหาความรัก ที่ใช่สำหรับคุณจริงๆ
5 วิธี ทำให้รอบๆ ตัว อบอวล ไปด้วยบรรยากาศของความรัก
การอยู่คนเดียว ก็รู้สึกดีกับตัวเอง หรือรู้สึกดีกับสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว ได้ หลายคนอาจจะรู้ข้อนี้ดีอยู่แล้ว แต่บางคน อาจจะกำลังเหงา หรือรู้สึกว่า จะทำอย่างไรได้บ้าง ให้หัวใจได้อบอุ่นขึ้น ลองดูวิธีเหล่านี้ดูซิจ๊ะ มันอาจไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ใช้ได้กับทุกคนหรอก แต่ก็เป็นสิ่งที่เพิ่มรสชาดดีๆ ในชีวิตได้
1. เติมสีสันในห้องส่วนตัว หรือห้องนอน
ลงมือจัดตกแต่งห้องข้องคุณ ให้มีบรรยากาศดีๆ ตามที่คุณอยากจะให้เป็น อาจเก็บสตางค์ ซื้อโซฟาดีไซน์เก๋ ไว้นั่งพักดูทีวี อ่านหนังสือสบายใจ ประดับห้องด้วยดอกไม้สวยๆ Wallpaper ลายสนุกๆ ฯลฯ เพื่อให้รู้สึกดี ได้ทุกครั้ง ที่กลับมาบ้าน อาจจะมีรูปในกรอบสวยๆ ที่เป็นรูปตัวเองในวัยเด็ก ในอริยาบทน่ารักๆ ที่ถ่ายกันพร้อมน่าพร้อมตา กับคนในครอบครัว ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ ที่ยังมีคนที่ผูกพัน ห่วงใย ดูแลกัน ดูแลห้อง ตกแต่งเพิ่มสีสันให้กับห้อง ก็เหมือนการดูแล สิ่งที่อยู่ใกล้ชิด สนิทกับตัวเรา แลกเปลี่ยนความรักกับห้องก็ได้ เราจัดห้อง ห้องก็ให้ความสบายกับเราทุกครั้ง ที่เราอยู่ - จริงๆ นะ
2. ดูแลอะไรสักอย่าง หรือ 2 อย่าง
อาจเป็นการปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา ต้นไม้ ที่จะต้องดูแล หรือสัตว์เลี้ยงที่ดีใจทุกครั้ง ที่ได้เห็นหน้าคุณ ช่วยชาร์จพลังให้กับหัวใจได้เสมอ (อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่ก็ลองดูนะ) บางคนปลูกต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่สามารถดูแลง่ายๆ รดน้ำอย่างเดียว ไม่ต้องใส่ปุ๋ย ต้นละ ไม่กี่สิบบาท ปลูกแค่เดือนสองเดือน ได้เห็นการเจริญเติบโตจากการที่ดูแลรดน้ำทุกวัน ก็รู้สึกดีใจแล้ว บางคนเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ใช้พื้นที่นิดเดียว เช่นหนูแกสบี้ (ตอนนี้ ยังมีแฟชั่น เลี้ยงหมูตัวเล็กๆ ซะด้วย) พอกลับมาบ้าน ก็เล่นกับสัตว์เลี้ยง มันทั้งน่ารัก น่าเอ็นดู สัมผัสได้เลยว่า เราดูแลมัน ให้ความรักกับมัน มันก็จะเล่นกับเรา แสดงออกมาว่า มันก็รักเราเหมือนกันนะ
3. ทำอะไรตอบแทน คนที่เคยช่วยเหลือกัน
อาจเป็นเพื่อนเก่า หรือครูบาอาจารย์ ที่เคยสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้สิ่งดีๆ ให้กำลังใจคุณมาก่อน วันใดเกิดนึกถึงสิ่งดีๆ ที่คนเหล่านั้นทำให้คุณ ก็แวะไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง ในวันว่าง ซื้อของฝาก ชวนกันไปรับประทานอาหาร อาจจะมีคนที่เคยทำสิ่งดีๆ ให้กับคุณไว้ แล้วเขาก็คิดถึงคุณเช่นกัน ลองนึกดูซิ คุณอาจจะคิดมานานแล้วว่า อยากจะแวะไปเซย์ไฮ กับเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาน กลับไปหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แล้วขออาสาเลี้ยงอาหารอร่อยท่านสักมื้อ ท่านจะดีใจสักแค่ไหน (เผลอๆ อาจารย์จะเป็นฝ่ายเลี้ยงซะเอง) อะไรที่คุณคิดว่าดี และคิดๆ อยู่ ว่าจะทำ จะรู้สึกดีขึ้น หัวใจพองโตอย่างแน่นอน (หัวใจไม่ได้พองโต ตอนเฉพาะมีแฟนซักกะหน่อย)
4. ช่วยเหลือสังคมในบางโอกาส
ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ง่ายสุด ก็ทิ้งขยะลงถังขยะ ยากขึ้นมาหน่อย ก็บริจาคเงินเข้าช่วยเหลือมูลนิธิ หรืองค์กรช่วยเหลือสังคมต่างๆ ซึ่งจะบริจาคแค่ไม่กี่ร้อยบาทก็ได้ ตามกำลังศรัทธา คุณอาจจะเคยเห็นเด็กที่พิการทางด้านต่างๆ เด็กเหล่านั้น ต้องการความรัก ต้องการ การได้รับความช่วยเหลือจากสังคม เหมือนคนทั่วไป เมื่อคุณบริจาดเงินช่วยเหลือพวกเขา แน่นอน มันจะเป็นการนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาโดยตรง มันเห็นผลได้ชัด แล้วคุณก็จะสุขใจ จากการที่ได้เป็นผู้แบ่งปัน
5. ยอมรับตัวเอง
คุณสามารถยอมรับตัวเองได้ และรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น มันสำคัญที่สุด ที่จะต้องรักตัวเองก่อน ก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น รักตัวเองก่อน และก็จะรักอย่างอื่นได้ ทุกๆ คน ล้วนมีความแตกต่างๆ เราไม่ได้เป็นผู้วิเศษที่ไหน ที่จะเปลี่ยนตัวเอง ให้มีเหมือนคนนั้น เหมือนคนนี้ได้ ยอมรับตัวเอง จะต้องลงมือ คิดว่า ตัวเองต้องการอะไร อยากจะเป็นยังไง แล้วก็เดินไปตามทางนั้น ทางที่ใช่สำหรับตัวเองมากที่สุด ถ้าเหนื่อย ก็ถามตัวเอง หาคำตอบให้กับตัวเองบ่อยๆ ว่า เราจะทำอะไร เราทำเพื่ออะไร และจะใช้ชีวิตที่เป็นของเรายังไง - อาจจะซีเรียสไปหน่อย แต่ถ้าเข้าใจตัวเองก่อน ก็จะเวิร์คไปทั้งชีวิต... และความรัก
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=736
1. เติมสีสันในห้องส่วนตัว หรือห้องนอน
ลงมือจัดตกแต่งห้องข้องคุณ ให้มีบรรยากาศดีๆ ตามที่คุณอยากจะให้เป็น อาจเก็บสตางค์ ซื้อโซฟาดีไซน์เก๋ ไว้นั่งพักดูทีวี อ่านหนังสือสบายใจ ประดับห้องด้วยดอกไม้สวยๆ Wallpaper ลายสนุกๆ ฯลฯ เพื่อให้รู้สึกดี ได้ทุกครั้ง ที่กลับมาบ้าน อาจจะมีรูปในกรอบสวยๆ ที่เป็นรูปตัวเองในวัยเด็ก ในอริยาบทน่ารักๆ ที่ถ่ายกันพร้อมน่าพร้อมตา กับคนในครอบครัว ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ ที่ยังมีคนที่ผูกพัน ห่วงใย ดูแลกัน ดูแลห้อง ตกแต่งเพิ่มสีสันให้กับห้อง ก็เหมือนการดูแล สิ่งที่อยู่ใกล้ชิด สนิทกับตัวเรา แลกเปลี่ยนความรักกับห้องก็ได้ เราจัดห้อง ห้องก็ให้ความสบายกับเราทุกครั้ง ที่เราอยู่ - จริงๆ นะ
2. ดูแลอะไรสักอย่าง หรือ 2 อย่าง
อาจเป็นการปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา ต้นไม้ ที่จะต้องดูแล หรือสัตว์เลี้ยงที่ดีใจทุกครั้ง ที่ได้เห็นหน้าคุณ ช่วยชาร์จพลังให้กับหัวใจได้เสมอ (อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่ก็ลองดูนะ) บางคนปลูกต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่สามารถดูแลง่ายๆ รดน้ำอย่างเดียว ไม่ต้องใส่ปุ๋ย ต้นละ ไม่กี่สิบบาท ปลูกแค่เดือนสองเดือน ได้เห็นการเจริญเติบโตจากการที่ดูแลรดน้ำทุกวัน ก็รู้สึกดีใจแล้ว บางคนเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ใช้พื้นที่นิดเดียว เช่นหนูแกสบี้ (ตอนนี้ ยังมีแฟชั่น เลี้ยงหมูตัวเล็กๆ ซะด้วย) พอกลับมาบ้าน ก็เล่นกับสัตว์เลี้ยง มันทั้งน่ารัก น่าเอ็นดู สัมผัสได้เลยว่า เราดูแลมัน ให้ความรักกับมัน มันก็จะเล่นกับเรา แสดงออกมาว่า มันก็รักเราเหมือนกันนะ
3. ทำอะไรตอบแทน คนที่เคยช่วยเหลือกัน
อาจเป็นเพื่อนเก่า หรือครูบาอาจารย์ ที่เคยสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้สิ่งดีๆ ให้กำลังใจคุณมาก่อน วันใดเกิดนึกถึงสิ่งดีๆ ที่คนเหล่านั้นทำให้คุณ ก็แวะไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง ในวันว่าง ซื้อของฝาก ชวนกันไปรับประทานอาหาร อาจจะมีคนที่เคยทำสิ่งดีๆ ให้กับคุณไว้ แล้วเขาก็คิดถึงคุณเช่นกัน ลองนึกดูซิ คุณอาจจะคิดมานานแล้วว่า อยากจะแวะไปเซย์ไฮ กับเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาน กลับไปหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แล้วขออาสาเลี้ยงอาหารอร่อยท่านสักมื้อ ท่านจะดีใจสักแค่ไหน (เผลอๆ อาจารย์จะเป็นฝ่ายเลี้ยงซะเอง) อะไรที่คุณคิดว่าดี และคิดๆ อยู่ ว่าจะทำ จะรู้สึกดีขึ้น หัวใจพองโตอย่างแน่นอน (หัวใจไม่ได้พองโต ตอนเฉพาะมีแฟนซักกะหน่อย)
4. ช่วยเหลือสังคมในบางโอกาส
ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ง่ายสุด ก็ทิ้งขยะลงถังขยะ ยากขึ้นมาหน่อย ก็บริจาคเงินเข้าช่วยเหลือมูลนิธิ หรืองค์กรช่วยเหลือสังคมต่างๆ ซึ่งจะบริจาคแค่ไม่กี่ร้อยบาทก็ได้ ตามกำลังศรัทธา คุณอาจจะเคยเห็นเด็กที่พิการทางด้านต่างๆ เด็กเหล่านั้น ต้องการความรัก ต้องการ การได้รับความช่วยเหลือจากสังคม เหมือนคนทั่วไป เมื่อคุณบริจาดเงินช่วยเหลือพวกเขา แน่นอน มันจะเป็นการนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาโดยตรง มันเห็นผลได้ชัด แล้วคุณก็จะสุขใจ จากการที่ได้เป็นผู้แบ่งปัน
5. ยอมรับตัวเอง
คุณสามารถยอมรับตัวเองได้ และรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น มันสำคัญที่สุด ที่จะต้องรักตัวเองก่อน ก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น รักตัวเองก่อน และก็จะรักอย่างอื่นได้ ทุกๆ คน ล้วนมีความแตกต่างๆ เราไม่ได้เป็นผู้วิเศษที่ไหน ที่จะเปลี่ยนตัวเอง ให้มีเหมือนคนนั้น เหมือนคนนี้ได้ ยอมรับตัวเอง จะต้องลงมือ คิดว่า ตัวเองต้องการอะไร อยากจะเป็นยังไง แล้วก็เดินไปตามทางนั้น ทางที่ใช่สำหรับตัวเองมากที่สุด ถ้าเหนื่อย ก็ถามตัวเอง หาคำตอบให้กับตัวเองบ่อยๆ ว่า เราจะทำอะไร เราทำเพื่ออะไร และจะใช้ชีวิตที่เป็นของเรายังไง - อาจจะซีเรียสไปหน่อย แต่ถ้าเข้าใจตัวเองก่อน ก็จะเวิร์คไปทั้งชีวิต... และความรัก
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=736
6 วิธี ใช้ช่วงเวลาโสด ให้สนุก!
ในเมื่อเป็นโสด ก็ต้องใช้ชีวิตโสดให้สนุกกันสักหน่อย มีอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต ให้คุณทำ ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสนุก คลายความเหงาลงได้ ในระหว่างที่ยังไม่มีแฟน ก็ลองทำตาม 7 ข้อปฏิบัติง่ายๆ นี้ไปก่อน ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกดี และยังเป็นการดูแลตัวเองด้วย ลองดูซิ มีแต่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ รับรองว่า มีแต่เรื่องดีๆ แน่นอน
1. ออกไปหาของอร่อยๆ กินกับเพื่อนที่ยังโสดเหมือนกัน
สิ่งที่คนโสดมี คือมีเวลาให้กับตัวเองได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่กับเพื่อนได้ โดยไม่ต้องคิดว่า จะต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่า กินไปคุยไป ผ่อนคลาย เฮอา ตามประสาเพื่อนฝูงกันได้อย่างเต็มที่ ไปเที่ยวกับเพื่อน เป็นอะไรที่ง่ายก็ได้ อาจจะไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารอร่อยริมถนน หรือไปทานอาหารมื้ออร่อยที่ร้านอาหารหรู หรือไปเที่ยวผับกัน และดริ๊งกันสักเล็กน้อย หรือชวนเพื่อนมาทำอาหารรับประทานที่บ้าน คุยกันไป ก็มีแต่เรื่องน่าสนุก
2. ไปดูหนังคนเดียวซะเลย
เอาใจตัวเอง ดูหนังคนเดียว ปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมาได้อย่างลำพัง อย่างเช่นไปดูหนังรักโรแมนติก ก็สามารถร้องไห้เบาๆ ในโรงหนังคนเดียวได้ (คงไม่มีใครสนใจหรอก) หรือดูหนังสนุกๆ ตลกๆ แล้วหัวเราะก๊ากเสียงดังๆ คนเดียว ไปดูหนังคนเดียว เป็นโอกาสที่จะได้แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องสวย หรือต้องหล่อมากนัก ได้ความรู้สึกชิวๆ ซื้อขนมติดไม้ติดมือเข้าไปในโรงหนัง นั่งกินคนเดียว ดูเสร็จแล้วก็กลับบ้าน วันหลังค่อยมาดูใหม่... คนโสดหลายๆ คนก็ทำแบบนี้นะ
3. ไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ อ่านหนังสือ
ไปนั่งทานกาแฟ รสชาดที่คุณโปรดปราน ในสถานที่ ที่บรรยากาศดีๆ มองผู้คนสัญจรผ่านไปมา จิบกาแฟไป นั่งยาวๆ อ่านหนังสือไปสักครึ่งเล่ม ใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเอาหนังสืออะไรไปอ่านดี ลองแวะร้านหนังสือ และซื้อหนังสือ ที่อยู่บนชั้นรายการหนังสือแนะนำ(ให้อ่าน) หรือหนังสือ Best seller ที่มีสาระประโยชน์ และอาจจะตรงกับความสนใจของคุณ ก็มีหลายเล่ม
4. ร้องเล่น เต้นไปกับเสียงเพลงคนเดียว ในห้องที่บ้าน
อยู่บ้านคนเดียว พื้นที่ส่วนตัวสำหรับตัวเอง ปล่อยอารมณ์สนุกได้สุดๆ กับเสียงเพลงโปรด จะร้องเพลง หรือออกสเต็ปส์ ท่าเต้านสักหน่อย ก็เป็นการได้ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังกาย เต้นท่าตลกๆ ประกอบเพลงสัก 3 นาที อาจช่วยให้สบายใจขึ้นได้ หรือซื้อแผ่นคาราโอเกะมาร้องที่บ้าน ในทางการแพทย์ได้บอกเอาไว้ว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขมากที่สุด คือเสียงเพลง และยิ่งถ้าเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้ มันจะมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ
5. ดูแลร่างกายตนเอง
ด้วยการลพยายามลดน้ำหนักส่วนเกินลงให้ได้ หรือฟิตร่างกายให้กล้ามเนื้อของคุณแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นการทำเพื่อตัวคุณเองล้วนๆ การออกกำลังกายแบบง่ายๆ เช่นการวิ่งจ๊อกกิ้ง 15 นาที นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ร่างกายของคนเราจะหลั่งสาเอ็นโดรฟันออกมา ช่วยลดความเครียดจากเรื่องต่างๆ อย่างได้ผล อันนี้ต้องลองทำเอง แล้วจะรู้ แน่นอนว่า การออกกำลังกาย แม้แต่การเดิน ก็ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และมีชีวิตชีวาขึ้น
6. ให้เวลา “ส่วนตัว” สำหรับตัวเอง ในแต่ละวัน ทำอะไรดีๆ และสนุก!
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับชีวิตของคนเรา ก็คือ การให้ตัวเองได้ทำเรื่องดีๆ หรือทำอะไรที่มันสนุก ซึ่งแต่ละคนก็มีสิ่งที่สนใจแตกต่างกัน บางคนศึกษาพระพุทธศาสนา จนพบข้อดี และนั่งสมาธิทุกวัน บางคนลงเรียนคอร์สฝึกโยคะ บางคนชอบทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือบางคนทำแค่เรื่องง่ายๆ เช่นปลูกต้นไม้ หากคุณยังไม่มีสิ่งที่สนใจจริงๆ ลองค้นหาดู อาจะเริ่มต้น จากการคุยกับคนเก่งๆ เดินเข้าห้องสมุด ไปเที่ยวในสถานที่ ที่ยังไม่เคยไป อาจจะได้พบกับอะไร ที่คุณชอบมากที่สุดก็ได้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=733
1. ออกไปหาของอร่อยๆ กินกับเพื่อนที่ยังโสดเหมือนกัน
สิ่งที่คนโสดมี คือมีเวลาให้กับตัวเองได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่กับเพื่อนได้ โดยไม่ต้องคิดว่า จะต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่า กินไปคุยไป ผ่อนคลาย เฮอา ตามประสาเพื่อนฝูงกันได้อย่างเต็มที่ ไปเที่ยวกับเพื่อน เป็นอะไรที่ง่ายก็ได้ อาจจะไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารอร่อยริมถนน หรือไปทานอาหารมื้ออร่อยที่ร้านอาหารหรู หรือไปเที่ยวผับกัน และดริ๊งกันสักเล็กน้อย หรือชวนเพื่อนมาทำอาหารรับประทานที่บ้าน คุยกันไป ก็มีแต่เรื่องน่าสนุก
2. ไปดูหนังคนเดียวซะเลย
เอาใจตัวเอง ดูหนังคนเดียว ปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมาได้อย่างลำพัง อย่างเช่นไปดูหนังรักโรแมนติก ก็สามารถร้องไห้เบาๆ ในโรงหนังคนเดียวได้ (คงไม่มีใครสนใจหรอก) หรือดูหนังสนุกๆ ตลกๆ แล้วหัวเราะก๊ากเสียงดังๆ คนเดียว ไปดูหนังคนเดียว เป็นโอกาสที่จะได้แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องสวย หรือต้องหล่อมากนัก ได้ความรู้สึกชิวๆ ซื้อขนมติดไม้ติดมือเข้าไปในโรงหนัง นั่งกินคนเดียว ดูเสร็จแล้วก็กลับบ้าน วันหลังค่อยมาดูใหม่... คนโสดหลายๆ คนก็ทำแบบนี้นะ
3. ไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ อ่านหนังสือ
ไปนั่งทานกาแฟ รสชาดที่คุณโปรดปราน ในสถานที่ ที่บรรยากาศดีๆ มองผู้คนสัญจรผ่านไปมา จิบกาแฟไป นั่งยาวๆ อ่านหนังสือไปสักครึ่งเล่ม ใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเอาหนังสืออะไรไปอ่านดี ลองแวะร้านหนังสือ และซื้อหนังสือ ที่อยู่บนชั้นรายการหนังสือแนะนำ(ให้อ่าน) หรือหนังสือ Best seller ที่มีสาระประโยชน์ และอาจจะตรงกับความสนใจของคุณ ก็มีหลายเล่ม
4. ร้องเล่น เต้นไปกับเสียงเพลงคนเดียว ในห้องที่บ้าน
อยู่บ้านคนเดียว พื้นที่ส่วนตัวสำหรับตัวเอง ปล่อยอารมณ์สนุกได้สุดๆ กับเสียงเพลงโปรด จะร้องเพลง หรือออกสเต็ปส์ ท่าเต้านสักหน่อย ก็เป็นการได้ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังกาย เต้นท่าตลกๆ ประกอบเพลงสัก 3 นาที อาจช่วยให้สบายใจขึ้นได้ หรือซื้อแผ่นคาราโอเกะมาร้องที่บ้าน ในทางการแพทย์ได้บอกเอาไว้ว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขมากที่สุด คือเสียงเพลง และยิ่งถ้าเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้ มันจะมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ
5. ดูแลร่างกายตนเอง
ด้วยการลพยายามลดน้ำหนักส่วนเกินลงให้ได้ หรือฟิตร่างกายให้กล้ามเนื้อของคุณแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นการทำเพื่อตัวคุณเองล้วนๆ การออกกำลังกายแบบง่ายๆ เช่นการวิ่งจ๊อกกิ้ง 15 นาที นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ร่างกายของคนเราจะหลั่งสาเอ็นโดรฟันออกมา ช่วยลดความเครียดจากเรื่องต่างๆ อย่างได้ผล อันนี้ต้องลองทำเอง แล้วจะรู้ แน่นอนว่า การออกกำลังกาย แม้แต่การเดิน ก็ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และมีชีวิตชีวาขึ้น
6. ให้เวลา “ส่วนตัว” สำหรับตัวเอง ในแต่ละวัน ทำอะไรดีๆ และสนุก!
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับชีวิตของคนเรา ก็คือ การให้ตัวเองได้ทำเรื่องดีๆ หรือทำอะไรที่มันสนุก ซึ่งแต่ละคนก็มีสิ่งที่สนใจแตกต่างกัน บางคนศึกษาพระพุทธศาสนา จนพบข้อดี และนั่งสมาธิทุกวัน บางคนลงเรียนคอร์สฝึกโยคะ บางคนชอบทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือบางคนทำแค่เรื่องง่ายๆ เช่นปลูกต้นไม้ หากคุณยังไม่มีสิ่งที่สนใจจริงๆ ลองค้นหาดู อาจะเริ่มต้น จากการคุยกับคนเก่งๆ เดินเข้าห้องสมุด ไปเที่ยวในสถานที่ ที่ยังไม่เคยไป อาจจะได้พบกับอะไร ที่คุณชอบมากที่สุดก็ได้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=733
แอบรักเพื่อนจะบอกให้รู้ดีไหม
ดูหนังมาก็แยะ เรื่องเพื่อนแอบรักเพื่อน ไม่ว่าจะเป็น “รักสามเศร้า”,“เพื่อนสนิท”,”เพื่อนกูรักมึงว่ะ(ที่ตัวหนังไม่ค่อยจะเกี่ยวกับเพื่อนเท่าไร),”My Best Friends Wedding” (เก่าไปไหมเนี่ย) หรือว่าเพลงที่เกี่ยวกับแอบรักเพื่อน “อยากรู้แต่ไม่อยากถาม”,”ช่างไม่รู้เลย”,”เพื่อน” และอีกหลายๆเพลงที่มักจะดังแล้วก็โดนใจแก๊งค์คนแอบรักเพื่อน แล้วคุณล่ะ จะบอกหรือไม่บอกถ้าคุณมีความรู้สึกนี้
สาเหตุ ความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร คนที่ชอบเรา เราก็มักจะไม่ชอบ คนที่เรารักก็มักจะไม่รักเรา สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการรักเพื่อนก็น่าจะมีดังนี้ 1.คบกันเป็นเพื่อนจนเห็นความดีของเพื่อนว่า เออ มันดีวะ ถ้าได้เป็นแฟนก็คงจะมีความสุข 2.เหลียวซ้ายแลขวาหาใครไม่เจอ ก็มีเพื่อนคนนี้แหล่ะที่เข้าท่าที่สุด 3.ความผูกพันเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกกับความรัก เพราะมักจะอยู่คู่กัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังแต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ
อาการ ทำยังดีล่ะเมื่อตกหลุมรักเพื่อน อาการคุณก็จะแสดงออกมาเหมือนคนตกหลุมรักทั่วไป ที่อยากจะคุยด้วย อยากเจอหน้า อยากทำอะไรพิเศษๆให้ มีความรู้สึกห่วงใยมากกว่าเพื่อนทั่วๆ ไป ที่สำคัญถ้ากลุ่มเพื่อนคุณเป็นกลุ่มใหญ่คุณก็อยากจะแยกตัวออกมาเพื่อจะไปกันแค่สองคน ถ้าเริ่มมีอาการนี้ก็ชัดเลยว่าคุณตกหลุมรักเพื่อนแล้ว
ปัจจัยในการสารภาพ ถึงขั้นตอนสำคัญเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าแอบรักเพื่อนคุณจะทำยังไงกับความรู้สึกที่มีอยู่ในใจของคุณ ปัจจัยก็คือเพื่อนคุณมีแฟนอยู่แล้วรึเปล่า ถ้ามีอยู่ก็ยังไม่ควรหรือบางครั้งคุณอาจจะไม่แคร์แล้วก็ได้ว่าเพื่อนมีแฟนอยู่รึเปล่า ระยะเวลาที่คบกันมา ถ้าผ่านมานานหลายปีแล้วเพื่อนคุณมีแฟนมาแล้วหลายคน คุณก็ยังไม่กล้าสารภาพซักทีจนคุณ
ทนต่อไปไม่ได้แล้ว จนต้องสารภาพ ไม่งั้นคงต้องทนเห็นภาพปวดใจเวลาที่เพื่อนที่คุณรักมีแฟนใหม่ไปเรื่อยๆ
ผลที่ตามมา คงไม่มีใครบอกได้ว่าชีวิตจริงจะเหมือนนิยาย หรือเน่ากว่าในนิยาย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่ได้ต่างกันไปมาก “เราคิดกับ...แค่เพื่อน” คำตอบนี้ก็คือการปฎิเสธแบบนุ่มนวลแต่คนฟังหัวใจจะวาย ก็จะมีประโยคฮิตจากหนัง”ม.3 ปี4 เรารักนาย”ตอบกลับไปว่า “คนเราถ้าได้รักใครแล้วมันเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก” “เราก็แอบชอบ...เหมือนกัน” หรือ “ลองคบกันดูก็ได้” ก็น้ำเน่ากันไป ใจตรงกัน ใครเคยได้ยินคำตอบนี้ก็คงจะมีความสุขกันไป
คำตอบที่ได้ยินหลังการสารภาพรักมันก็มีอยู่แค่สองอย่างแหล่ะครับ ผิดหวังกับสมหวัง แต่ในกรณีนี้ คุณอาจจะอยู่ใน สถารณ์การที่กระอักกระอ่วนไม่อยากเสียเพื่อนไป แต่เชื่อเรื่องหนึ่งเถอะครับต่อให้คุณจะต้องเสียเพื่อนไปจากเหตุการณ์อย่างนี้ เวลาจะทำให้คุณทั้งสองคนกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีกันได้ เพราะคำว่าเพื่อนตัดกันไม่ขาดหรอกครับ ในวันนึงข้างหน้า คุณอาจจะได้กลับมาพบกัน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปจนชั่วชีวิต “ความรู้สึกในใจถ้าไม่พูดไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอกครับ”
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=742
สาเหตุ ความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร คนที่ชอบเรา เราก็มักจะไม่ชอบ คนที่เรารักก็มักจะไม่รักเรา สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการรักเพื่อนก็น่าจะมีดังนี้ 1.คบกันเป็นเพื่อนจนเห็นความดีของเพื่อนว่า เออ มันดีวะ ถ้าได้เป็นแฟนก็คงจะมีความสุข 2.เหลียวซ้ายแลขวาหาใครไม่เจอ ก็มีเพื่อนคนนี้แหล่ะที่เข้าท่าที่สุด 3.ความผูกพันเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกกับความรัก เพราะมักจะอยู่คู่กัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังแต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ
อาการ ทำยังดีล่ะเมื่อตกหลุมรักเพื่อน อาการคุณก็จะแสดงออกมาเหมือนคนตกหลุมรักทั่วไป ที่อยากจะคุยด้วย อยากเจอหน้า อยากทำอะไรพิเศษๆให้ มีความรู้สึกห่วงใยมากกว่าเพื่อนทั่วๆ ไป ที่สำคัญถ้ากลุ่มเพื่อนคุณเป็นกลุ่มใหญ่คุณก็อยากจะแยกตัวออกมาเพื่อจะไปกันแค่สองคน ถ้าเริ่มมีอาการนี้ก็ชัดเลยว่าคุณตกหลุมรักเพื่อนแล้ว
ปัจจัยในการสารภาพ ถึงขั้นตอนสำคัญเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าแอบรักเพื่อนคุณจะทำยังไงกับความรู้สึกที่มีอยู่ในใจของคุณ ปัจจัยก็คือเพื่อนคุณมีแฟนอยู่แล้วรึเปล่า ถ้ามีอยู่ก็ยังไม่ควรหรือบางครั้งคุณอาจจะไม่แคร์แล้วก็ได้ว่าเพื่อนมีแฟนอยู่รึเปล่า ระยะเวลาที่คบกันมา ถ้าผ่านมานานหลายปีแล้วเพื่อนคุณมีแฟนมาแล้วหลายคน คุณก็ยังไม่กล้าสารภาพซักทีจนคุณ
ทนต่อไปไม่ได้แล้ว จนต้องสารภาพ ไม่งั้นคงต้องทนเห็นภาพปวดใจเวลาที่เพื่อนที่คุณรักมีแฟนใหม่ไปเรื่อยๆ
ผลที่ตามมา คงไม่มีใครบอกได้ว่าชีวิตจริงจะเหมือนนิยาย หรือเน่ากว่าในนิยาย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่ได้ต่างกันไปมาก “เราคิดกับ...แค่เพื่อน” คำตอบนี้ก็คือการปฎิเสธแบบนุ่มนวลแต่คนฟังหัวใจจะวาย ก็จะมีประโยคฮิตจากหนัง”ม.3 ปี4 เรารักนาย”ตอบกลับไปว่า “คนเราถ้าได้รักใครแล้วมันเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก” “เราก็แอบชอบ...เหมือนกัน” หรือ “ลองคบกันดูก็ได้” ก็น้ำเน่ากันไป ใจตรงกัน ใครเคยได้ยินคำตอบนี้ก็คงจะมีความสุขกันไป
คำตอบที่ได้ยินหลังการสารภาพรักมันก็มีอยู่แค่สองอย่างแหล่ะครับ ผิดหวังกับสมหวัง แต่ในกรณีนี้ คุณอาจจะอยู่ใน สถารณ์การที่กระอักกระอ่วนไม่อยากเสียเพื่อนไป แต่เชื่อเรื่องหนึ่งเถอะครับต่อให้คุณจะต้องเสียเพื่อนไปจากเหตุการณ์อย่างนี้ เวลาจะทำให้คุณทั้งสองคนกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีกันได้ เพราะคำว่าเพื่อนตัดกันไม่ขาดหรอกครับ ในวันนึงข้างหน้า คุณอาจจะได้กลับมาพบกัน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปจนชั่วชีวิต “ความรู้สึกในใจถ้าไม่พูดไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอกครับ”
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=742
30 คำบอกรัก แสนหวาน
คำบอกรักแสนหวาน หรือจะเรียกว่า คำบอกรัก น้ำเน่า ก็ได้
1. ฉันขาดเธอไม่ได้
2. ฉันหยุดคิดถึงเธอไม่ได้ ตอนที่เธอไม่อยู่
3. ฉันฝันถึงเธอทุกวัน
4. ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อรักของเรา
5. ฉันต้องการเธอ
6. เธอมีค่าสำหรับฉัน
7. ฉันจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตของฉัน ไปกับเธอ
8. ฉันเป็นของเธอ
9. เธอ กับ ฉัน.. ตลอดไป
10. รักของฉันไม่มีข้อแม้
11. เพราะเราคู่กัน
12. เธอเป็นดั่งนางฟ้า (หรือเจ้าชาย) ของฉัน
13. เธอคือโลกของฉัน
14. เธอคือเหตุผล ว่าฉันใช้ชีวิตไปทำไม
15. เธอทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข ในวันที่ฝนพรำ
16. เธอเต็มเต็มชีวิตฉัน
17. เธอมีกุญแจ ที่จะไขเข้าไปข้างในหัวใจฉันได้
18. เธอคือกำลังใจสำหรับฉัน
19. เธอทำให้ฉันเบิกบานใจ
20. เธอเติมเชื้อไปในใจฉัน
21. เธอขโมยหัวใจของฉันไป
22. เธอคือ “ฝันที่เป็นจริง” ของฉัน
23. เธอทำให้ดวงตาของฉัน เปล่งประกาย เจิดจรัส
24. เธอคือ คนสุดพิเศษ สำหรับฉัน
25. เธอสวย ราวกับท้องฟ้า ยามพระอาทิตย์อัสดง
26. เธอเซ็กซี่
27. เธอคือสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับชีวิตฉัน
28. ฉันต้องมนต์สเน่ห์ของเธอ
29. เธอติดปีกให้ฉันบินไปสวรรค์
30. คิดถึงเธอทีไร ฉันก็ยิ้มได้ทุกที
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=745
1. ฉันขาดเธอไม่ได้
2. ฉันหยุดคิดถึงเธอไม่ได้ ตอนที่เธอไม่อยู่
3. ฉันฝันถึงเธอทุกวัน
4. ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อรักของเรา
5. ฉันต้องการเธอ
6. เธอมีค่าสำหรับฉัน
7. ฉันจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตของฉัน ไปกับเธอ
8. ฉันเป็นของเธอ
9. เธอ กับ ฉัน.. ตลอดไป
10. รักของฉันไม่มีข้อแม้
11. เพราะเราคู่กัน
12. เธอเป็นดั่งนางฟ้า (หรือเจ้าชาย) ของฉัน
13. เธอคือโลกของฉัน
14. เธอคือเหตุผล ว่าฉันใช้ชีวิตไปทำไม
15. เธอทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข ในวันที่ฝนพรำ
16. เธอเต็มเต็มชีวิตฉัน
17. เธอมีกุญแจ ที่จะไขเข้าไปข้างในหัวใจฉันได้
18. เธอคือกำลังใจสำหรับฉัน
19. เธอทำให้ฉันเบิกบานใจ
20. เธอเติมเชื้อไปในใจฉัน
21. เธอขโมยหัวใจของฉันไป
22. เธอคือ “ฝันที่เป็นจริง” ของฉัน
23. เธอทำให้ดวงตาของฉัน เปล่งประกาย เจิดจรัส
24. เธอคือ คนสุดพิเศษ สำหรับฉัน
25. เธอสวย ราวกับท้องฟ้า ยามพระอาทิตย์อัสดง
26. เธอเซ็กซี่
27. เธอคือสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับชีวิตฉัน
28. ฉันต้องมนต์สเน่ห์ของเธอ
29. เธอติดปีกให้ฉันบินไปสวรรค์
30. คิดถึงเธอทีไร ฉันก็ยิ้มได้ทุกที
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=745
ซื้อของขวัญอะไรให้ผู้ชายดีนะ?
สำหรับสาวๆ ที่คบกับผู้ชายคนหนึ่ง จะเพิ่งออกเดทกัน หรือเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อถึงวันเกิดของเขา หรือวันที่เป็นโอกาสพิเศษสำหรับคุณทั้งสองคน เช่น วันครบรอบ 1 ปีที่เจอกัน คุณอาจจะมีคำถามง่ายๆ เกิดขึ้นในใจ แต่ค่อนข้างจะตอบยากนิดนึง คำถามที่ว่านี้ ก็คือ จะซื้อของขวัญอะไรดี เขาถึงจะชอบนะ เรามีลิสต์รายการของขวัญแบบผู้ชายๆ ที่เมื่อคุณซื้อให้เขาแล้ว เขาจะต้องชอบอย่างแน่นอน
1. จับเขาแต่งตัวให้หล่อไปเลยดีกว่า
ไม่ว่าชายคนรัก (หรือคนที่เพิ่งเริ่มศึกษากันอยู่) ของคุณ จะแต่งตัวสไตล์ไหน เขาก็ยังสามารถถูกเติมความหล่อ ความเท่ ได้เสมอ คิดดูง่ายๆ ถ้าเขาชอบแต่งกายเรียบๆ ไม่โดดเด่น คุณซื้อกางเกงยีนส์ สีพื้นๆ ราคาไม่ต้องแพงมาก ให้เขาสักตัว เขาก็ดีใจแล้ว และถ้าเขาชอบแต่งกายเนี๊ยบ หรือแต่งตัว ให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คุณคงจะสนุก กับการเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความเนี๊ยบ หรือเพิ่มความโดดเด่นให้กับเขา อย่างแน่ๆ หรือจะพาเขาไปเลือกซื้อด้วยกัน – ถ้าสนิทกันมากพอ ผู้ชายอย่างพวกเราน่ะ ไม่ค่อยคิดมากหรอก ว่าจะต้องซื้อของมาเซอร์ไพร์ซกัน เพราะแค่ซื้อให้ ก็รู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ และรู้สึกดีมากมายแล้ว
2. อุปกรณ์ไฮเทค
ผู้ชายมีบุคลิกชอบเพิ่มความ Cool ให้กับตัวเอง เช่น การแต่งรถ การเล่นดนตรี การศึกษาอะไรที่สลับซับซ้อน พวกอุปกรณ์ไฮเทค เช่นนาฬิกาแบบสปอร์ต อุปกรณ์เสริมสำหรับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มัลติ –ฟังก์ชั่น เช่นมือถือที่มีระบบ GPS (ดูแผนที่เส้นทางขับรถได้) จะเป็นของขวัญที่เขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ อุปกรณ์โฮเทค เป็นของที่ถือว่า ราคาค่อนข้างแพง แต่สามารถใช้งานได้หลายปี คุ้มค่า สิ่งที่ต้องเช็คให้ดี ก็คือ เลือกยี่ห้อที่มีบริการหลังการขายที่ดี และเช่นเดียวกันกับข้อแรก ถ้าสนิทกัน พาเขาไปเลือกแบบที่ถูกใจ ให้รู้สึกว่า ได้ซื้อของที่จะเอามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า
3. ตั๋วคอนเสริ์ต
ถ้าเขาชอบฟังเพลงมากๆ ล่ะก็ ชวนเขาไปดูคอนเสริ์ตด้วยกัน จะทำให้เขายิ้มแก้มปริ วันที่จัดคอนเสริ์ต อาจจะไม่ตรงกับวันเกิด หรือวันพิเศษของคุณทั้งสองคน แต่ในวันพิเศษนี้ ก็เพียงซื้อตั๋วรอไว้ก่อน และก็รออีกไม่กี่วัน เพื่อไปสนุก เย้วๆ ด้วยกัน
4. อุปกรณ์กีฬา
ถ้ารองเท้า ที่เขาใส่เล่นกีฬา มันเก่ามากๆ จนทำให้สมรรถภาพ ทางการกีฬาของเขาลดลงแล้ว ก็เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะได้ซื้อของขวัญให้เขา และได้เป็นการสนับสนุนให้เขาได้เล่นกีฬา เพื่อที่จะได้มีสุขภาพดี ไปในคราวเดียวกัน อุปกรณ์กีฬาบางชนิด ยังสามารถใช้เป็นเครื่องแต่งกายเพื่อเพิ่มความเท่ได้ด้วยอีกนะ เช่นเสื้อกีฬาคอลเลคชั่นสวยๆ เป้สไตล์สปอร์ต กระเป๋าสตางค์แบบสปอร์ต
5. เกมส์
สาวๆ ที่ไม่ใช่คอเกมส์ อาจจะไม่รู้ว่า เครื่องเล่นเกมส์ในยุคนี้ มันไฮเทคมาก จนทำให้ผู้ชายร้องว่า “ว้าว สุดยอดมาก” ได้เลยล่ะ อย่างเครื่องเล่นเกมส์ชื่อ Wii ของค่าย Nintendo ประเทศญี่ปุ่น ที่มีรูปแบบการเล่น ให้ต้องขยับตัว (ทั้งร่างกาย) เหมือนอยู่ในเกมส์จริงๆ แค่ฟังก็รู้สึกสุดยอดแล้วใช่มั้ยล่ะ หรือเครื่องเล่นเกมส์อื่นๆ ที่มีภาพกราฟิกสวยงาม ทำให้หนุ่มๆ ชอบเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน จนแทบวางมือไม่ลง หรือจะเป็นเครื่องเล่น เกมส์เล็กๆ แบบพกพาได้ ราคาไม่แพงมากนัก ก็มีให้เลือกซื้อนะ เหมาะสำหรับหนุ่มวัยรุ่น ใช่เล่น เป็นกิจกรรมยามว่าง
6. ชวนเขาไปทำกิจกรรมแบบผจญภัยด้วยกัน
ถ้าคุณ กับเขา คบเป็นแฟนกันมานานแล้ว ในวันพิเศษ หรือโอกาสพิเศษ ในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว ไปเติมความรู้สึกผจญภัย ให้กับชีวิตด้วยกัน เช่นตั้งแคมป์ เดินเขา เที่ยวธรรมชาติ ล่องแก่ง ดำน้ำ หรือกิจกรรมมันๆ อื่นๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
7. ของตกแต่งบ้าน
ถ้าเขาเป็นพวกชอบใช้สมองซีกขวา คือมีความคิดในเชิงศิลปะ มีอารมณ์รับรู้ความสวยงามจากสิ่งๆ ต่างๆ ของแต่งบ้าน จะเป็นของขวัญที่เขาจะได้เห็นมันบ่อยๆ และเห็นในคุณค่าของมัน เรื่องของแต่งบ้านนี่ ผู้หญิงน่าจะมีความสุข จากการได้เลือกซื้อ เพราะมันมีสารพัน หลากหลาย หลายร้อยแบบ มีอยู่ในแหล่งช๊อปปิ๊ง เกือบทุกที่ ผู้ชายชอบของที่สวยงาม และคำนึ่งถึงประโยชน์ใช้สอยด้วย ดังนั้น ของที่เขาจะได้ใช้งาน จะเหมาะกว่าของที่เอาไว้ตั้งโชว์เพียงอย่างเดียว
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=748
1. จับเขาแต่งตัวให้หล่อไปเลยดีกว่า
ไม่ว่าชายคนรัก (หรือคนที่เพิ่งเริ่มศึกษากันอยู่) ของคุณ จะแต่งตัวสไตล์ไหน เขาก็ยังสามารถถูกเติมความหล่อ ความเท่ ได้เสมอ คิดดูง่ายๆ ถ้าเขาชอบแต่งกายเรียบๆ ไม่โดดเด่น คุณซื้อกางเกงยีนส์ สีพื้นๆ ราคาไม่ต้องแพงมาก ให้เขาสักตัว เขาก็ดีใจแล้ว และถ้าเขาชอบแต่งกายเนี๊ยบ หรือแต่งตัว ให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คุณคงจะสนุก กับการเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความเนี๊ยบ หรือเพิ่มความโดดเด่นให้กับเขา อย่างแน่ๆ หรือจะพาเขาไปเลือกซื้อด้วยกัน – ถ้าสนิทกันมากพอ ผู้ชายอย่างพวกเราน่ะ ไม่ค่อยคิดมากหรอก ว่าจะต้องซื้อของมาเซอร์ไพร์ซกัน เพราะแค่ซื้อให้ ก็รู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ และรู้สึกดีมากมายแล้ว
2. อุปกรณ์ไฮเทค
ผู้ชายมีบุคลิกชอบเพิ่มความ Cool ให้กับตัวเอง เช่น การแต่งรถ การเล่นดนตรี การศึกษาอะไรที่สลับซับซ้อน พวกอุปกรณ์ไฮเทค เช่นนาฬิกาแบบสปอร์ต อุปกรณ์เสริมสำหรับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มัลติ –ฟังก์ชั่น เช่นมือถือที่มีระบบ GPS (ดูแผนที่เส้นทางขับรถได้) จะเป็นของขวัญที่เขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ อุปกรณ์โฮเทค เป็นของที่ถือว่า ราคาค่อนข้างแพง แต่สามารถใช้งานได้หลายปี คุ้มค่า สิ่งที่ต้องเช็คให้ดี ก็คือ เลือกยี่ห้อที่มีบริการหลังการขายที่ดี และเช่นเดียวกันกับข้อแรก ถ้าสนิทกัน พาเขาไปเลือกแบบที่ถูกใจ ให้รู้สึกว่า ได้ซื้อของที่จะเอามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า
3. ตั๋วคอนเสริ์ต
ถ้าเขาชอบฟังเพลงมากๆ ล่ะก็ ชวนเขาไปดูคอนเสริ์ตด้วยกัน จะทำให้เขายิ้มแก้มปริ วันที่จัดคอนเสริ์ต อาจจะไม่ตรงกับวันเกิด หรือวันพิเศษของคุณทั้งสองคน แต่ในวันพิเศษนี้ ก็เพียงซื้อตั๋วรอไว้ก่อน และก็รออีกไม่กี่วัน เพื่อไปสนุก เย้วๆ ด้วยกัน
4. อุปกรณ์กีฬา
ถ้ารองเท้า ที่เขาใส่เล่นกีฬา มันเก่ามากๆ จนทำให้สมรรถภาพ ทางการกีฬาของเขาลดลงแล้ว ก็เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะได้ซื้อของขวัญให้เขา และได้เป็นการสนับสนุนให้เขาได้เล่นกีฬา เพื่อที่จะได้มีสุขภาพดี ไปในคราวเดียวกัน อุปกรณ์กีฬาบางชนิด ยังสามารถใช้เป็นเครื่องแต่งกายเพื่อเพิ่มความเท่ได้ด้วยอีกนะ เช่นเสื้อกีฬาคอลเลคชั่นสวยๆ เป้สไตล์สปอร์ต กระเป๋าสตางค์แบบสปอร์ต
5. เกมส์
สาวๆ ที่ไม่ใช่คอเกมส์ อาจจะไม่รู้ว่า เครื่องเล่นเกมส์ในยุคนี้ มันไฮเทคมาก จนทำให้ผู้ชายร้องว่า “ว้าว สุดยอดมาก” ได้เลยล่ะ อย่างเครื่องเล่นเกมส์ชื่อ Wii ของค่าย Nintendo ประเทศญี่ปุ่น ที่มีรูปแบบการเล่น ให้ต้องขยับตัว (ทั้งร่างกาย) เหมือนอยู่ในเกมส์จริงๆ แค่ฟังก็รู้สึกสุดยอดแล้วใช่มั้ยล่ะ หรือเครื่องเล่นเกมส์อื่นๆ ที่มีภาพกราฟิกสวยงาม ทำให้หนุ่มๆ ชอบเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน จนแทบวางมือไม่ลง หรือจะเป็นเครื่องเล่น เกมส์เล็กๆ แบบพกพาได้ ราคาไม่แพงมากนัก ก็มีให้เลือกซื้อนะ เหมาะสำหรับหนุ่มวัยรุ่น ใช่เล่น เป็นกิจกรรมยามว่าง
6. ชวนเขาไปทำกิจกรรมแบบผจญภัยด้วยกัน
ถ้าคุณ กับเขา คบเป็นแฟนกันมานานแล้ว ในวันพิเศษ หรือโอกาสพิเศษ ในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว ไปเติมความรู้สึกผจญภัย ให้กับชีวิตด้วยกัน เช่นตั้งแคมป์ เดินเขา เที่ยวธรรมชาติ ล่องแก่ง ดำน้ำ หรือกิจกรรมมันๆ อื่นๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
7. ของตกแต่งบ้าน
ถ้าเขาเป็นพวกชอบใช้สมองซีกขวา คือมีความคิดในเชิงศิลปะ มีอารมณ์รับรู้ความสวยงามจากสิ่งๆ ต่างๆ ของแต่งบ้าน จะเป็นของขวัญที่เขาจะได้เห็นมันบ่อยๆ และเห็นในคุณค่าของมัน เรื่องของแต่งบ้านนี่ ผู้หญิงน่าจะมีความสุข จากการได้เลือกซื้อ เพราะมันมีสารพัน หลากหลาย หลายร้อยแบบ มีอยู่ในแหล่งช๊อปปิ๊ง เกือบทุกที่ ผู้ชายชอบของที่สวยงาม และคำนึ่งถึงประโยชน์ใช้สอยด้วย ดังนั้น ของที่เขาจะได้ใช้งาน จะเหมาะกว่าของที่เอาไว้ตั้งโชว์เพียงอย่างเดียว
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=748
เหตุผลที่ผู้ชายนอกใจ
เหตุผลที่เป็นสาเหตุของการนอกใจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงคงจะมีทั้งที่ตรงกันหรือแตกต่างกันบ้าง แต่ที่ท่านผู้อ่านกำลังจะได้อ่านคือเหตุผลจากฝ่ายชายที่ได้ไปทำการสำรวจมานะครับ อาจจะตรงใจบ้างไม่ตรงบ้างก็แล้วแต่มุมมอง ที่สำคัญคุณผู้หญิงกรุณาอย่าใช้อารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเพิ่มความเผ็ดร้อนในการอ่านครั้งนี้ เช่น “มันจะมีเหตุผลอะไรก็มันเลวไงมันถึงนอกใจ” เอ่อ...ใจเย็นๆครับ เอาเป็นว่า รู้ไว้จะได้เป็นการทำใจหรือว่าเป็นการรับมือไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจะดีกว่าไหมครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
-สัน...ที่แก้ไม่ได้ อ้าว...ข้อแรกก็อารมณ์เสียกันซะแล้วครับ แต่อันนี้เป็นเหตุผลจริงๆนะครับว่า มันเป็นสิ่งที่ติดตัวตามสัญชาติญาณของเพศผู้(ชาย)ที่ชอบเป็นนักล่าและรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อทำได้สำเร็จ ผู้หญิงบางคนอาจจะเข้าใจว่าฉันจะต้องเปลี่ยนเค้าได้ แต่ก็นับหัวกันดีกว่านะครับว่าพวกที่เจ้าชู้มากๆแล้วจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าเกิดอาการอิ่มตัวซึ่งมันก็ค่อนข้างจะยาก ดังนั้นถ้าคุณรู้ว่าผู้ชายที่คุณกำลังเล็งหรือว่ากำลังคบอยู่เป็นคนเจ้าชู้แล้วล่ะก็ ทำใจไว้เลยดีกว่าครับ
-ความต้องการที่ไม่เท่ากัน เรื่องเซ็กซ์ เป็นเรื่องของความต้องการทางธรรมชาติ จะเปิดเผยหรือว่าปกปิดก็ขึ้นอยู่กับพื้นเพการเลี้ยงดู ยิ่งวัฒนธรรมไทยที่ปลูกฝังให้มองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องน่าอายแล้วล่ะก็ ก็สามารถทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ (แต่รู้สึกว่าเด็กๆยุคใหม่จะไม่ค่อยเก็บกันแล้วนะครับ) ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องการมากแล้วอีกฝ่ายไม่สามารถตอบสนองได้แล้วล่ะก็ ถ้าเค้าสามารถไปหาที่หาทางปลดปล่อยได้แล้วละก็ นี่แหล่ะครับสาเหตุของการนอกใจ
-ความเบื่อความซ้ำซากจำเจ คุณผู้หญิงอ่านแล้วก็คงสะอึกว่า “ที่นอกใจฉันเพราะว่าฉันน่าเบื่อนักเหรอ” คำตอบนี้เป็นคำตอบที่เรียกได้ว่าตอบตรงกันแทบทุกคน แต่ความน่าเบื่อนี้มีอยู่สองมุมมองนะครับ มุมมองแรกคือ อยู่ด้วยกันจนชินชาราบรื่น พอมีคนอื่นเข้ามาก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นว่าตัวเองยังมีคุณค่าอยู่ อย่างที่สองคือ อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันบ่อยมีปัญหากันบ่อยๆ จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เลยต้องการหาคนที่สามารถระบายความทุกข์ความอัดอั้นได้
-หาส่วนเติมเต็มที่ขาดไปจากแฟนปัจจุบัน คนเราไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ คนทุกคนย่อมมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวเองทั้งนั้น เมื่อมีโอกาสได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ได้คุยกันก็จะเป็นช่องทางให้สามารถ มองหาสิ่งที่ขาดหายไป จากฝ่ายตรงข้าม ยิ่งถ้าแฟนเรายังไม่สามารถเติมให้เต็มได้แล้วมีคนอื่นเข้ามาอีกแล้วล่ะก็ ไม่รอดครับ
แต่คุณผู้หญิงทั้งหลายก็อย่าเพิ่งคิดว่า ถ้าจับได้ว่านอกใจแล้วต้องเลิกกันตลอด มุมมองของผู้ชาย (ที่อาจจะดูเห็นแก่ตัว) ก็คือ เค้าก็แค่หาอะไรให้มันตื่นเต้นกับชีวิต ถ้าคุณไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณรู้ แล้วคุณให้เค้าเลือก รับรองครับเค้าก็ต้องเลือกคุณ คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต ที่จะมาเป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก ที่เค้าจะฝากชีวิตให้ดูแล แต่ถ้าเค้าไม่เลือกคุณ ก็มีแค่คำตอบเดียวครับ คือย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าแรกอีกครั้ง
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=751
-สัน...ที่แก้ไม่ได้ อ้าว...ข้อแรกก็อารมณ์เสียกันซะแล้วครับ แต่อันนี้เป็นเหตุผลจริงๆนะครับว่า มันเป็นสิ่งที่ติดตัวตามสัญชาติญาณของเพศผู้(ชาย)ที่ชอบเป็นนักล่าและรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อทำได้สำเร็จ ผู้หญิงบางคนอาจจะเข้าใจว่าฉันจะต้องเปลี่ยนเค้าได้ แต่ก็นับหัวกันดีกว่านะครับว่าพวกที่เจ้าชู้มากๆแล้วจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าเกิดอาการอิ่มตัวซึ่งมันก็ค่อนข้างจะยาก ดังนั้นถ้าคุณรู้ว่าผู้ชายที่คุณกำลังเล็งหรือว่ากำลังคบอยู่เป็นคนเจ้าชู้แล้วล่ะก็ ทำใจไว้เลยดีกว่าครับ
-ความต้องการที่ไม่เท่ากัน เรื่องเซ็กซ์ เป็นเรื่องของความต้องการทางธรรมชาติ จะเปิดเผยหรือว่าปกปิดก็ขึ้นอยู่กับพื้นเพการเลี้ยงดู ยิ่งวัฒนธรรมไทยที่ปลูกฝังให้มองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องน่าอายแล้วล่ะก็ ก็สามารถทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ (แต่รู้สึกว่าเด็กๆยุคใหม่จะไม่ค่อยเก็บกันแล้วนะครับ) ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องการมากแล้วอีกฝ่ายไม่สามารถตอบสนองได้แล้วล่ะก็ ถ้าเค้าสามารถไปหาที่หาทางปลดปล่อยได้แล้วละก็ นี่แหล่ะครับสาเหตุของการนอกใจ
-ความเบื่อความซ้ำซากจำเจ คุณผู้หญิงอ่านแล้วก็คงสะอึกว่า “ที่นอกใจฉันเพราะว่าฉันน่าเบื่อนักเหรอ” คำตอบนี้เป็นคำตอบที่เรียกได้ว่าตอบตรงกันแทบทุกคน แต่ความน่าเบื่อนี้มีอยู่สองมุมมองนะครับ มุมมองแรกคือ อยู่ด้วยกันจนชินชาราบรื่น พอมีคนอื่นเข้ามาก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นว่าตัวเองยังมีคุณค่าอยู่ อย่างที่สองคือ อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันบ่อยมีปัญหากันบ่อยๆ จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เลยต้องการหาคนที่สามารถระบายความทุกข์ความอัดอั้นได้
-หาส่วนเติมเต็มที่ขาดไปจากแฟนปัจจุบัน คนเราไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ คนทุกคนย่อมมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวเองทั้งนั้น เมื่อมีโอกาสได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ได้คุยกันก็จะเป็นช่องทางให้สามารถ มองหาสิ่งที่ขาดหายไป จากฝ่ายตรงข้าม ยิ่งถ้าแฟนเรายังไม่สามารถเติมให้เต็มได้แล้วมีคนอื่นเข้ามาอีกแล้วล่ะก็ ไม่รอดครับ
แต่คุณผู้หญิงทั้งหลายก็อย่าเพิ่งคิดว่า ถ้าจับได้ว่านอกใจแล้วต้องเลิกกันตลอด มุมมองของผู้ชาย (ที่อาจจะดูเห็นแก่ตัว) ก็คือ เค้าก็แค่หาอะไรให้มันตื่นเต้นกับชีวิต ถ้าคุณไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณรู้ แล้วคุณให้เค้าเลือก รับรองครับเค้าก็ต้องเลือกคุณ คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต ที่จะมาเป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก ที่เค้าจะฝากชีวิตให้ดูแล แต่ถ้าเค้าไม่เลือกคุณ ก็มีแค่คำตอบเดียวครับ คือย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าแรกอีกครั้ง
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=751
เมื่อผู้หญิง...
รื่องที่ผู้ชายควรจะรู้ไว้บ้างก็ไม่เสียหลาย ว่าท่าที ที่ผู้หญิงแสดงออกมา มีความหมายอะไรอยู่ในนั้นบ้าง อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่เปนแบบนี้... ลองดูกัน!
เมื่อผู้หญิงเงียบ.... ในใจเธอกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวนับล้าน
เมื่อผู้หญิงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ.... นั่นแหละ เธอกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
เมื่อผู้หญิงมองที่คุณ ด้วยแววตาของเธอ ที่เต็มไปด้วยคำถาม..... เธอกำลังกระวนกระวายว่า คุณจะอยู่ใกล้ๆ เธอได้อีกนานแค่ไหน
เมื่อผู้หญิงตอบว่า “ฉันโอเค”…. อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า คุณจะรู้ได้ทันที่ว่า เธอไม่โอเค 55++
เมื่อผู้หญิงจ้องเขม็งที่ดวงตาคุณ... เธอกำลังว้าวุ่นใจว่า ทำไมคุณต้องโกหกเธอด้วย
เมื่อผู้หญิงซบลงที่หน้าอกคุณ... เธอปรารถนาให้คุณเป็นของเธอไปทั้งชีวิต
เมื่อผู้หญิงอยากพบคุณทุกๆ วัน... เธอต้องการ ได้รับการเอาอกเอาใจ
เมื่อผู้หญิงพูดคำว่า “ฉันรักคุณ”…. เธอจะแสดงความรักให้คุณเห็น
เมื่อผู้หญิงพูดคำว่า “คิดถึงคุณ”…. ช่วงเวลานั้น ไม่มีใครในโลก ที่จะคิดถึงคุณได้มากเท่าเธออีกแล้ว
เมื่อผู้หญิงใช้มือของเธอ โอบมือของคุณไว้แน่น.... เธอต้องการ ได้รับการเอาใจใส่ และดูแลเธอ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=754
เมื่อผู้หญิงเงียบ.... ในใจเธอกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวนับล้าน
เมื่อผู้หญิงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ.... นั่นแหละ เธอกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
เมื่อผู้หญิงมองที่คุณ ด้วยแววตาของเธอ ที่เต็มไปด้วยคำถาม..... เธอกำลังกระวนกระวายว่า คุณจะอยู่ใกล้ๆ เธอได้อีกนานแค่ไหน
เมื่อผู้หญิงตอบว่า “ฉันโอเค”…. อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า คุณจะรู้ได้ทันที่ว่า เธอไม่โอเค 55++
เมื่อผู้หญิงจ้องเขม็งที่ดวงตาคุณ... เธอกำลังว้าวุ่นใจว่า ทำไมคุณต้องโกหกเธอด้วย
เมื่อผู้หญิงซบลงที่หน้าอกคุณ... เธอปรารถนาให้คุณเป็นของเธอไปทั้งชีวิต
เมื่อผู้หญิงอยากพบคุณทุกๆ วัน... เธอต้องการ ได้รับการเอาอกเอาใจ
เมื่อผู้หญิงพูดคำว่า “ฉันรักคุณ”…. เธอจะแสดงความรักให้คุณเห็น
เมื่อผู้หญิงพูดคำว่า “คิดถึงคุณ”…. ช่วงเวลานั้น ไม่มีใครในโลก ที่จะคิดถึงคุณได้มากเท่าเธออีกแล้ว
เมื่อผู้หญิงใช้มือของเธอ โอบมือของคุณไว้แน่น.... เธอต้องการ ได้รับการเอาใจใส่ และดูแลเธอ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=754
เค้าโกหกคุณอยู่หรือเปล่า
มาดูกันว่า คนที่คุณกำลังคุยกันอยู่ หรือคบกันอยู่นั้น กำลังโกหกคุณอยู่หรือเปล่า จะมีวิธีสังเกตได้อย่างไรบ้าง
ดูที่ภาษากายกันก่อนเลย
- เขาจะขยับตัวน้อย รวมทั้งแขนและขา ด้วย จะอยู่กับที่ซะเป็นส่วนมาก และก็ไม่ค่อยจะก้าวขาออกมา หรือยกแขนออกจากตัวมากนัก เพราะกำลังใช้สมาธิไปกับความคิดอยู่
- หากเขากำลังโกหกคุณอยู่ล่ะก็ เขาจะหลีกเลี่ยงการสบตาตรงๆ กับคุณ
- เขาจะยกมือขึ้นมาวุ่นวายที่บริเวณใบหน้าของตัวเองบ่อยๆ เช่น ใช้มือจับแก้ม แตะจมูกบ่อยๆ ปิดปากบ่อยๆ และใช้มือถูทีหลังหูบ่อยๆ ด้วย
- เขาจะดึงคอเสื้อของตัวเอง บ่อยกว่าปกติ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความอึดอัด ให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายได้ดีขึ้น
- สำหรับคนที่โกหกไม่เก่ง จะมีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด มือไม้จะอยู่ไม่สุข
การแสดงออกทางด้านอารมณ์
- เขาจะความรู้สึกช้าลงนั่นเอง แสดงท่าที หรืออารมณ์ตอบกลับมาช้าลง หรือมีท่าทางการขยับตัว ก็จะอยู่ในตำแหน่งนั้นนานขึ้น เช่นยกมือขึ้นมาค้างเอาไว้ จนเปลี่ยนหัวข้อพูดใหม่ แต่ยังไม่เอามือลง
- คำพูด กับ การแสดงออกทางร่างกาย ไม่สอคคล้องกัน เช่นพูดว่า “ผมรักคุณ” และยิ้มออกมาหลังจากผ่านไปแล้ว 10 วินาที ไม่ยิ้มออกมาตั้งแต่ที่พูดจบในตอนแรกทันที หรือเล่าเรื่องอะไรอยู่ และมีเนื้อหาในเรื่อง บอกว่าเขาเจออะไรที่น่าตกใจมาก แต่สีหน้าตอนที่เขาพูดเรียบเฉย เป็นปกติ ดูไม่ตกใจแม้แต่น้อย ยังงี้ คงคิดแต่งเรื่องอยู่ แรมในสมอง มีไม่พอที่จะประมวลผล ออกมาทางใบหน้าพร้อมๆ กัน แน่ๆ
- การแสดงอารมณ์บนใบหน้า จะเน้นที่ปากอย่างเดียว ไม่แสดงออก “ทั้ง” ใบหน้า เช่น บอกว่า ชอบ แต่ฝืนยื้มที่ปากอย่างเดียว ดวงตาไม่ได้เปล่งประกายว่ามีความรู้สึกชอบออกมาด้วย
ปฏิกริยาโต้ตอบ ตอนที่สนทนากัน
- คนที่โกหกบ่อยๆ จะพยายามแสดงท่าทางปกป้องตัวเอง เช่นยกมือขึ้นมา กอด อก ส่วนคนที่โกหกไม่เก่ง จะพยายามเข้าหาฝ่ายตรงข้าม อาจถึงเนื้อถึงตัว เรียกได้ว่า ออกแนวคุกคามพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายเล็กๆ
- คนที่โกหก เมื่อคุยกับฝ่ายตรงข้าม จะรับมือกับคำถามไม่ค่อยทันท่วงที เขาจะแสดงอาการ เช่นเบือนหน้าหนี หรือบิดตัวขยับตัวไปมา
- คนที่กำลังโกหก เมื่อนั่งสนทนากับคุณอยู่ที่โต๊ะ เขาอาจจะหยิบสิ่งของ เช่นหนังสือ กระเป๋า หรือสิ่งของอื่นๆ มาวางกั้นระหว่างคุณกับเขา ในลักษณะ แบบที่เขาทำไปเองโดยอัตโนมัติ อย่างรวดเร็ว
สังเกตที่บทสนทนา ระหว่างที่พูดคุยกัน
- คนที่พูดโกหก มักจะเน้นพูดคำตอบของตัวเองให้สมบูรณ์ เช่น คุณถามเขาว่า ได้หยิบหนังสือเล่มนั้นไปหรือเปล่า เขาจะตอบมาเต็มประโยคว่า “ไม่ได้หยิบ ผมไม่ได้หยิบหนังสือเล่มนั้นไปนะ” ต่างจากคนทั่วไป ที่ตัวเองไม่ได้โกหกแน่ๆ จะพูดแค่ประโยคสั้นๆ ว่า “ไม่ได้หยิบ”
- อันนี้ หากเขาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาโกหก เขาจะพูดมากขึ้น ใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไปในเนื้อ-เรื่อง เพื่อให้เนื้อเรื่องดูไม่สะดุด และไม่อยากตกอยู่ในสถาการณ์เงียบเชียบ กลัวจะถูกจับได้น่ะซิ
- เขาจะพูดไปเรื่อยๆ มากกว่ามีรายละเอียดในเนื้อเรื่องที่ชัดเจน รวมทั้งบางคำ ก็พูดเบา และพูดประโยคเร็วๆ จนคุณฟังไม่ค่อยทัน
สัญญาณอื่นๆ ว่าเขากำลังโกหกคุณอยู่
- เมื่อคุณค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า คุณที่คุณกำลังคุยด้วยตรงหน้า กำลังโกหกอยู่แน่ ลองเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา อย่างรวดเร็วดู คนที่โกหกจริง คุณอาจจะสังเกตอาการจากเขาได้ เช่น เขาจะรีบเปลี่ยนมาคุยเรื่องใหม่กับคุณ ได้ในทันที และเขาจะมีอาการรู้สึกผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นคนที่โกหกเก่ง ก็จะเปลี่ยนเรื่องไปได้ในทันที พูดต่อเนื่องไปอย่างกลมกลืนผสมผสานได้เลย แต่ถ้าเป็นคนที่โกหกไม่ค่อยเก่ง ยังเป็นมือใหม่หัดโกหกอยู่ จะเกิดอาการสะดุดเล็กน้อย และจะพยายามกลับไปพูดเรื่องเก่าให้จบเรียบร้อยสมบูรณ์ซะก่อน
- ใช้เสียงหัวเราะกลบเกลื่อน เมื่อถึงจังหวะ ที่จะพูดให้ปะติดปะต่อ ต่อไปไม่ได้
เหล่านี้ เป็นเพียงรายละเอียดหลัก ๆ ที่จะช่วยให้สังเกตได้ง่ายขึ้น ว่าเขากำลังโกหกคุณอยู่หรือเปล่า ทั้งนี้ ต้องดูประกอบกับพฤติกรรมของเขาด้วย ว่าที่ผ่านมาเขาเป็นคนชอบพูดโกหกหรือเปล่า เขาโกหกบ่อยไหม หากคุณกำลังสงสัยเขาอยู่ล่ะก็ ต้องตั้งใจสังเกตกันสักนิด หากคิดจะจับผิดเขาให้ได้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=757
ดูที่ภาษากายกันก่อนเลย
- เขาจะขยับตัวน้อย รวมทั้งแขนและขา ด้วย จะอยู่กับที่ซะเป็นส่วนมาก และก็ไม่ค่อยจะก้าวขาออกมา หรือยกแขนออกจากตัวมากนัก เพราะกำลังใช้สมาธิไปกับความคิดอยู่
- หากเขากำลังโกหกคุณอยู่ล่ะก็ เขาจะหลีกเลี่ยงการสบตาตรงๆ กับคุณ
- เขาจะยกมือขึ้นมาวุ่นวายที่บริเวณใบหน้าของตัวเองบ่อยๆ เช่น ใช้มือจับแก้ม แตะจมูกบ่อยๆ ปิดปากบ่อยๆ และใช้มือถูทีหลังหูบ่อยๆ ด้วย
- เขาจะดึงคอเสื้อของตัวเอง บ่อยกว่าปกติ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความอึดอัด ให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายได้ดีขึ้น
- สำหรับคนที่โกหกไม่เก่ง จะมีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด มือไม้จะอยู่ไม่สุข
การแสดงออกทางด้านอารมณ์
- เขาจะความรู้สึกช้าลงนั่นเอง แสดงท่าที หรืออารมณ์ตอบกลับมาช้าลง หรือมีท่าทางการขยับตัว ก็จะอยู่ในตำแหน่งนั้นนานขึ้น เช่นยกมือขึ้นมาค้างเอาไว้ จนเปลี่ยนหัวข้อพูดใหม่ แต่ยังไม่เอามือลง
- คำพูด กับ การแสดงออกทางร่างกาย ไม่สอคคล้องกัน เช่นพูดว่า “ผมรักคุณ” และยิ้มออกมาหลังจากผ่านไปแล้ว 10 วินาที ไม่ยิ้มออกมาตั้งแต่ที่พูดจบในตอนแรกทันที หรือเล่าเรื่องอะไรอยู่ และมีเนื้อหาในเรื่อง บอกว่าเขาเจออะไรที่น่าตกใจมาก แต่สีหน้าตอนที่เขาพูดเรียบเฉย เป็นปกติ ดูไม่ตกใจแม้แต่น้อย ยังงี้ คงคิดแต่งเรื่องอยู่ แรมในสมอง มีไม่พอที่จะประมวลผล ออกมาทางใบหน้าพร้อมๆ กัน แน่ๆ
- การแสดงอารมณ์บนใบหน้า จะเน้นที่ปากอย่างเดียว ไม่แสดงออก “ทั้ง” ใบหน้า เช่น บอกว่า ชอบ แต่ฝืนยื้มที่ปากอย่างเดียว ดวงตาไม่ได้เปล่งประกายว่ามีความรู้สึกชอบออกมาด้วย
ปฏิกริยาโต้ตอบ ตอนที่สนทนากัน
- คนที่โกหกบ่อยๆ จะพยายามแสดงท่าทางปกป้องตัวเอง เช่นยกมือขึ้นมา กอด อก ส่วนคนที่โกหกไม่เก่ง จะพยายามเข้าหาฝ่ายตรงข้าม อาจถึงเนื้อถึงตัว เรียกได้ว่า ออกแนวคุกคามพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายเล็กๆ
- คนที่โกหก เมื่อคุยกับฝ่ายตรงข้าม จะรับมือกับคำถามไม่ค่อยทันท่วงที เขาจะแสดงอาการ เช่นเบือนหน้าหนี หรือบิดตัวขยับตัวไปมา
- คนที่กำลังโกหก เมื่อนั่งสนทนากับคุณอยู่ที่โต๊ะ เขาอาจจะหยิบสิ่งของ เช่นหนังสือ กระเป๋า หรือสิ่งของอื่นๆ มาวางกั้นระหว่างคุณกับเขา ในลักษณะ แบบที่เขาทำไปเองโดยอัตโนมัติ อย่างรวดเร็ว
สังเกตที่บทสนทนา ระหว่างที่พูดคุยกัน
- คนที่พูดโกหก มักจะเน้นพูดคำตอบของตัวเองให้สมบูรณ์ เช่น คุณถามเขาว่า ได้หยิบหนังสือเล่มนั้นไปหรือเปล่า เขาจะตอบมาเต็มประโยคว่า “ไม่ได้หยิบ ผมไม่ได้หยิบหนังสือเล่มนั้นไปนะ” ต่างจากคนทั่วไป ที่ตัวเองไม่ได้โกหกแน่ๆ จะพูดแค่ประโยคสั้นๆ ว่า “ไม่ได้หยิบ”
- อันนี้ หากเขาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาโกหก เขาจะพูดมากขึ้น ใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไปในเนื้อ-เรื่อง เพื่อให้เนื้อเรื่องดูไม่สะดุด และไม่อยากตกอยู่ในสถาการณ์เงียบเชียบ กลัวจะถูกจับได้น่ะซิ
- เขาจะพูดไปเรื่อยๆ มากกว่ามีรายละเอียดในเนื้อเรื่องที่ชัดเจน รวมทั้งบางคำ ก็พูดเบา และพูดประโยคเร็วๆ จนคุณฟังไม่ค่อยทัน
สัญญาณอื่นๆ ว่าเขากำลังโกหกคุณอยู่
- เมื่อคุณค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า คุณที่คุณกำลังคุยด้วยตรงหน้า กำลังโกหกอยู่แน่ ลองเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา อย่างรวดเร็วดู คนที่โกหกจริง คุณอาจจะสังเกตอาการจากเขาได้ เช่น เขาจะรีบเปลี่ยนมาคุยเรื่องใหม่กับคุณ ได้ในทันที และเขาจะมีอาการรู้สึกผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นคนที่โกหกเก่ง ก็จะเปลี่ยนเรื่องไปได้ในทันที พูดต่อเนื่องไปอย่างกลมกลืนผสมผสานได้เลย แต่ถ้าเป็นคนที่โกหกไม่ค่อยเก่ง ยังเป็นมือใหม่หัดโกหกอยู่ จะเกิดอาการสะดุดเล็กน้อย และจะพยายามกลับไปพูดเรื่องเก่าให้จบเรียบร้อยสมบูรณ์ซะก่อน
- ใช้เสียงหัวเราะกลบเกลื่อน เมื่อถึงจังหวะ ที่จะพูดให้ปะติดปะต่อ ต่อไปไม่ได้
เหล่านี้ เป็นเพียงรายละเอียดหลัก ๆ ที่จะช่วยให้สังเกตได้ง่ายขึ้น ว่าเขากำลังโกหกคุณอยู่หรือเปล่า ทั้งนี้ ต้องดูประกอบกับพฤติกรรมของเขาด้วย ว่าที่ผ่านมาเขาเป็นคนชอบพูดโกหกหรือเปล่า เขาโกหกบ่อยไหม หากคุณกำลังสงสัยเขาอยู่ล่ะก็ ต้องตั้งใจสังเกตกันสักนิด หากคิดจะจับผิดเขาให้ได้
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=757
ของขวัญแทนใจ โดนใจคุณผู้หญิง
หลังจากที่ได้อ่านเรื่อง “จีบกันใหม่ๆ คุยอะไรดีหนอ” คราวนี้เรามาถึงการหาของขวัญเพื่อให้เหล่คุณผู้หญิงประทับใจในตัวเรากันดีกว่าครับ
ดอกไม้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบดอกไม้ครับ ปริมาณและขนาดขึ้นอยู่กับความสำคัญของวันที่จะให้นะครับ และถ้าจะให้ดีก็แนบการ์ดใบเล็กๆไปด้วย แล้วก็ไปหาความหมายของดอกไม้ที่คุณให้แล้วก็อธิบายให้เค้าฟังด้วยนะครับว่าที่ให้ดอกนี้ สีนี้ เพราะมันหมายถึงอะไร รับรองปลื้มครับ
เครื่องประดับ ของประดับประดา ผู้หญิงก็แพ้ของพวกนี้ แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะครับ ดูความเหมาะสมว่าเค้าใส่อะไรแล้วขึ้นแล้วสวยก็จะดีครับ บางทีแก่ไปหรือ มโหฬารไปก็จะหาโอกาสใส่ได้ลำบาก เพราะถ้าเราให้เค้าแล้วเราก็อยากเห็นเค้าใส่บ่อยๆใช่ไหมครับ ***ห้ามซื้อแหวนให้ถ้าเพิ่งคบกันนะครับเพราะมันจะเหมือนเป็นการผูกมัดฝ่ายหญิงมากเกินไป เค้าอาจจะไม่รับแล้วถอยหนีได้ครับ***
ของที่ระลึก แสดงถึงความคิดถึงและใส่ใจเวลาคุณไปเที่ยวที่ไหนมาก็ยังคิดถึงเค้าอยู่ จะส่งโปสการ์ดจากที่ที่คุณไปเที่ยว หรือของที่ระลึกน่ารักๆ ก็โอเคแล้วครับ
แพคเกจทัวร์ สำหรับสาวที่ชอบเที่ยว รักธรรมชาติหรือว่ารักการเดินทาง ถ้าคุณคบกันไปซักพักที่สามารถ จะไปไหนด้วยกันสองต่อสองได้แล้วล่ะก็ ลองแกล้ง จองตัวเค้าว่าจะไปไหนซักที่ แต่พอถึงเวลา ก็เซอร์ไพรส์เค้าครับ ***ถ้าเพิ่งคบกันแล้วซื้อแพคเกจที่พักให้ ฝ่ายหญิงอาจจะคิดได้ว่าคุณเป็นพวกหวังฟันเจ้ารึปล่านะครับ อาจจะเปลี่ยนเป็นเช้าแย็นกลับแทนได้ครับ***
สปาคอร์ส ร้อยละเก้าสิบเก้า ผู้หญิงรักสวยรักงามกันทุกคนครับ ด้งนั้น สปาคอร์ส บำรุงผิวกาย ผิวหน้า ถ้าไปหาข้อมูลมาก่อนแล้วสามารถอธิบายได้ว่ามันดียังไงถึงซื้อให้แล้วล่ะก็ เค้าจะปลื้มคุณมากเลยครับ ***แต่อย่าพลาดไปซื้อคอร์สลดน้ำหนักให้คนที่เพิ่งคบกันล่ะครับจะกลายเป็นว่าหวังดีประสงค์ร้าย ไม่พอใจในหุ่นของเค้า แล้วจะมาคบกับเค้าทำไม จะกลายเป็นของขวัญทำร้ายใจได้ครับ***
สุดท้ายเหนือสิ่งอื่นใดนะครับ คือดูความเหมาะสมกับฐานะของตัวคุณเองด้วยนะครับ ถ้ายังแบมือขอเงินพ่อแม่หรือว่ายังเป็นพนักงานใหม่ หรือว่าเป็นคนที่มีภาระ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็เอาให้เหมาะสมกับรายจ่ายของตัวคุณด้วยครับ เพราะถ้าขืนคุณเปิดตัวแบบหรูหราไปแล้ว แล้วสาวเจ้าเข้าใจว่าคุณกระเป๋าหนัก รับรองคุณได้กระเป่าฉีกตลอดการคบกันแน่ๆครับ แล้วก็ถ้าต้องเลิกกันไปเดี๋ยวจะมานั่งเสียดายของ ทวงของคืนกันมันก็จะน่าเกลียดด้วยครับ สิ่งของมีมูลค่าแค่ไหนเทียบไม่ได้กับความจริงใจความใส่ใจความห่วงใยที่มีให้แก่กันหรอกครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=760
ดอกไม้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบดอกไม้ครับ ปริมาณและขนาดขึ้นอยู่กับความสำคัญของวันที่จะให้นะครับ และถ้าจะให้ดีก็แนบการ์ดใบเล็กๆไปด้วย แล้วก็ไปหาความหมายของดอกไม้ที่คุณให้แล้วก็อธิบายให้เค้าฟังด้วยนะครับว่าที่ให้ดอกนี้ สีนี้ เพราะมันหมายถึงอะไร รับรองปลื้มครับ
เครื่องประดับ ของประดับประดา ผู้หญิงก็แพ้ของพวกนี้ แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะครับ ดูความเหมาะสมว่าเค้าใส่อะไรแล้วขึ้นแล้วสวยก็จะดีครับ บางทีแก่ไปหรือ มโหฬารไปก็จะหาโอกาสใส่ได้ลำบาก เพราะถ้าเราให้เค้าแล้วเราก็อยากเห็นเค้าใส่บ่อยๆใช่ไหมครับ ***ห้ามซื้อแหวนให้ถ้าเพิ่งคบกันนะครับเพราะมันจะเหมือนเป็นการผูกมัดฝ่ายหญิงมากเกินไป เค้าอาจจะไม่รับแล้วถอยหนีได้ครับ***
ของที่ระลึก แสดงถึงความคิดถึงและใส่ใจเวลาคุณไปเที่ยวที่ไหนมาก็ยังคิดถึงเค้าอยู่ จะส่งโปสการ์ดจากที่ที่คุณไปเที่ยว หรือของที่ระลึกน่ารักๆ ก็โอเคแล้วครับ
แพคเกจทัวร์ สำหรับสาวที่ชอบเที่ยว รักธรรมชาติหรือว่ารักการเดินทาง ถ้าคุณคบกันไปซักพักที่สามารถ จะไปไหนด้วยกันสองต่อสองได้แล้วล่ะก็ ลองแกล้ง จองตัวเค้าว่าจะไปไหนซักที่ แต่พอถึงเวลา ก็เซอร์ไพรส์เค้าครับ ***ถ้าเพิ่งคบกันแล้วซื้อแพคเกจที่พักให้ ฝ่ายหญิงอาจจะคิดได้ว่าคุณเป็นพวกหวังฟันเจ้ารึปล่านะครับ อาจจะเปลี่ยนเป็นเช้าแย็นกลับแทนได้ครับ***
สปาคอร์ส ร้อยละเก้าสิบเก้า ผู้หญิงรักสวยรักงามกันทุกคนครับ ด้งนั้น สปาคอร์ส บำรุงผิวกาย ผิวหน้า ถ้าไปหาข้อมูลมาก่อนแล้วสามารถอธิบายได้ว่ามันดียังไงถึงซื้อให้แล้วล่ะก็ เค้าจะปลื้มคุณมากเลยครับ ***แต่อย่าพลาดไปซื้อคอร์สลดน้ำหนักให้คนที่เพิ่งคบกันล่ะครับจะกลายเป็นว่าหวังดีประสงค์ร้าย ไม่พอใจในหุ่นของเค้า แล้วจะมาคบกับเค้าทำไม จะกลายเป็นของขวัญทำร้ายใจได้ครับ***
สุดท้ายเหนือสิ่งอื่นใดนะครับ คือดูความเหมาะสมกับฐานะของตัวคุณเองด้วยนะครับ ถ้ายังแบมือขอเงินพ่อแม่หรือว่ายังเป็นพนักงานใหม่ หรือว่าเป็นคนที่มีภาระ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็เอาให้เหมาะสมกับรายจ่ายของตัวคุณด้วยครับ เพราะถ้าขืนคุณเปิดตัวแบบหรูหราไปแล้ว แล้วสาวเจ้าเข้าใจว่าคุณกระเป๋าหนัก รับรองคุณได้กระเป่าฉีกตลอดการคบกันแน่ๆครับ แล้วก็ถ้าต้องเลิกกันไปเดี๋ยวจะมานั่งเสียดายของ ทวงของคืนกันมันก็จะน่าเกลียดด้วยครับ สิ่งของมีมูลค่าแค่ไหนเทียบไม่ได้กับความจริงใจความใส่ใจความห่วงใยที่มีให้แก่กันหรอกครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=760
พฤติกรรมยอดแย่ที่สาวๆรับไม่ได้
จีบกันก็แล้ว ซื้อของขวัญให้ก็แล้ว แต่ทำไม๊ ทำไม ถึงยังจีบหญิงไม่ติดซักที หรือว่าคบกันไปได้ไม่นานก็โดนทิ้งอีกแล้ว คุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าคุณได้เผลอตัวทำพฤติกรรมยอดแย่ ต่อหน้าสาวๆไปแล้วน่ะสิครับ ลองมาสำรวจสิว่าคุณได้ทำสิ่งเหล่านี้ไปบ้างรึเปล่า
เจ้าชู้
ร้อยทั้งล้านไม่มีใครชอบผู้ชายเจ้าชู้ ส่วนพวกที่บอกว่าชอบผู้ชายเจ้าชู้ล่ะก็ แรกๆก็ดูมีเสน่ห์และรู้สึกว่าท้าทายครับถ้าเค้ามาทำเจ้าชู้ใส่ แต่เมื่อไรที่มีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของขึ้นมาแล้วล่ะก็ ทนไม่ได้ทุกรายแหล่ะครับ ถ้าทั้งตอนก่อนคบ ระหว่างคบ คุณยังทำพฤติกรรมเจ้าชู้ไม่เลิกล่ะก็ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ฝ่ายหญิงเลิกกับคุณแน่ๆครับ
โกหก ไม่ว่าจะแอบมีกิ๊กหรือว่าโกหก ทางที่ดีที่สุดคืออย่าให้จับได้ครับ เอ๊ย...ไม่ใช่ ทางที่ดีคือว่าอย่าทำครับ ฝ่ายหญิงถ้าสูญเสียความไว้ใจไปแล้วเรียกกลับคืนยากครับ แล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกันไม่สิ้นสุดอีกต่างหาก
ไม่ใส่ใจ
ตอนแรกๆก็ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงเงิน พอได้เป็นแฟนแล้วกลับไม่สนใจ ทิ้งๆขว้างๆเค้าซะอย่างนั้น ไม่มีใครทนได้หรอกครับ เหมือนกับทำคะแนนมาซะดีในตอนแรก แต่พอจะคบๆกันกลับแผ่วๆลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเค้า หรือความรู้สึกของเค้า ทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลายนะครับ
ไม่มีอนาคตไม่เอาถ่าน
ต่อให้คุณรูปหล่อ พ่อรวย แต่ใช้เงินไม่ยั้งคิด ต่อให้มีแบบว่าใช้ทั้งชาติก็ยังไม่หมดแล้วล่ะก็ เอ่อ..ถือว่าเป็นข้อยกเว้นก็แล้วกัน แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีความคิดแล้วล่ะก็ เค้าคิดครับว่าต่อไป คุณจะดูแลเค้ายังไง เวลาเค้ามีปัญหา จะสามารถเป็นผู้นำได้ไหม ถึงแม้ยุคนี้จะเป็นการเดินก้าวไปพร้อมๆกันก็เถอะ อย่างน้อยคุณต้องทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกว่า คุณคู่ควรกับเค้าหรืออย่างน้อยคุณได้พยายามที่จะเดินไปกับเค้าครับ
ขี้อวดขี้โม้
พูดแต่เรื่องของตัวเอง ถ้ายังไม่เคยอ่านเรื่องผู้พูดและผู้ฟังที่ดีแล้วล่ะก็ ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่า ถ้าคุณเอาแต่คุยเรื่องของคุณเป็นแต่ผู้พูดที่ดีอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะก็ ไม่มีใครจะยอมเป็นผู้ฟังตลอดไปหรอกครับ ต้องหัดเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยครับ
เป็นยังไงครับ สำรวจดูแล้วมีพลาดทำพฤติกรรมเหล่านี้ไปบ้างรึเปล่าครับ จุดรับได้หรือรับไม่ได้ของผู้หญิงแต่ละคนต่างกันนะครับ บางคนอาจจะมองบางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ที่แม้อาจจะเป็นเรื่องเล็กของอีกคน ถ้าจะให้ดีก็อย่าทำเลยครับ สาวๆเค้าขอมา
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=763
เจ้าชู้
ร้อยทั้งล้านไม่มีใครชอบผู้ชายเจ้าชู้ ส่วนพวกที่บอกว่าชอบผู้ชายเจ้าชู้ล่ะก็ แรกๆก็ดูมีเสน่ห์และรู้สึกว่าท้าทายครับถ้าเค้ามาทำเจ้าชู้ใส่ แต่เมื่อไรที่มีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของขึ้นมาแล้วล่ะก็ ทนไม่ได้ทุกรายแหล่ะครับ ถ้าทั้งตอนก่อนคบ ระหว่างคบ คุณยังทำพฤติกรรมเจ้าชู้ไม่เลิกล่ะก็ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ฝ่ายหญิงเลิกกับคุณแน่ๆครับ
โกหก ไม่ว่าจะแอบมีกิ๊กหรือว่าโกหก ทางที่ดีที่สุดคืออย่าให้จับได้ครับ เอ๊ย...ไม่ใช่ ทางที่ดีคือว่าอย่าทำครับ ฝ่ายหญิงถ้าสูญเสียความไว้ใจไปแล้วเรียกกลับคืนยากครับ แล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกันไม่สิ้นสุดอีกต่างหาก
ไม่ใส่ใจ
ตอนแรกๆก็ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงเงิน พอได้เป็นแฟนแล้วกลับไม่สนใจ ทิ้งๆขว้างๆเค้าซะอย่างนั้น ไม่มีใครทนได้หรอกครับ เหมือนกับทำคะแนนมาซะดีในตอนแรก แต่พอจะคบๆกันกลับแผ่วๆลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเค้า หรือความรู้สึกของเค้า ทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลายนะครับ
ไม่มีอนาคตไม่เอาถ่าน
ต่อให้คุณรูปหล่อ พ่อรวย แต่ใช้เงินไม่ยั้งคิด ต่อให้มีแบบว่าใช้ทั้งชาติก็ยังไม่หมดแล้วล่ะก็ เอ่อ..ถือว่าเป็นข้อยกเว้นก็แล้วกัน แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีความคิดแล้วล่ะก็ เค้าคิดครับว่าต่อไป คุณจะดูแลเค้ายังไง เวลาเค้ามีปัญหา จะสามารถเป็นผู้นำได้ไหม ถึงแม้ยุคนี้จะเป็นการเดินก้าวไปพร้อมๆกันก็เถอะ อย่างน้อยคุณต้องทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกว่า คุณคู่ควรกับเค้าหรืออย่างน้อยคุณได้พยายามที่จะเดินไปกับเค้าครับ
ขี้อวดขี้โม้
พูดแต่เรื่องของตัวเอง ถ้ายังไม่เคยอ่านเรื่องผู้พูดและผู้ฟังที่ดีแล้วล่ะก็ ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่า ถ้าคุณเอาแต่คุยเรื่องของคุณเป็นแต่ผู้พูดที่ดีอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะก็ ไม่มีใครจะยอมเป็นผู้ฟังตลอดไปหรอกครับ ต้องหัดเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยครับ
เป็นยังไงครับ สำรวจดูแล้วมีพลาดทำพฤติกรรมเหล่านี้ไปบ้างรึเปล่าครับ จุดรับได้หรือรับไม่ได้ของผู้หญิงแต่ละคนต่างกันนะครับ บางคนอาจจะมองบางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ที่แม้อาจจะเป็นเรื่องเล็กของอีกคน ถ้าจะให้ดีก็อย่าทำเลยครับ สาวๆเค้าขอมา
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=763
5 วิธีรักกัน ให้มีความสุข
1. อย่าคาดหวังให้คนรัก มีหน้าที่รับผิดชอบ ทำให้คุณมีความสุขไปซะทั้งหมด
หากคุณกำลังคบกันอยู่ อย่างไม่มีความสุข ให้มองดูที่ตัวเองก่อน ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ สายสัมพันธ์ความรักของคนหลายคน ไม่มีความสุข เพราะต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกัน ดังนั้นแล้ว ถ้าไม่มีความสุข ลองควบคุมที่ตนเองดูก่อน ก่อนที่จะไปกล่าวโทษคนอื่น เมื่อตัวเองมีความสุข ก็จะสามารถเปิดรับคนอื่น เปิดรับคนรัก พูดคุยกันได้ด้วยความเข้าใจ
2. ทำข้อตกลงกันให้ชัดเจน
พูดคุยกัน ในประเด็นสำคัญๆ ในการที่จะคบกันให้ดำเนินไปได้เป็นอย่างดี มีอะไรที่จะยอมรับได้ อะไรที่จะยอมรับไม่ได้ คุยกันให้ชัดเจน และตกลงกันให้เรียบร้อย เช่นอยากให้คนรักตรงต่อเวลา ตอนที่นัดกัน หรือคนรัก อยากให้ตกลงกันว่า ให้ซื่อสัตย์ต่อกัน ข้อตกลงร่วมกัน จะช่วยให้สายสัมพันธ์เดินไปอย่างไม่หลงทาง และเป็นอีกวิธี ในการรู้จักตัวตน และยอมรับความเป็นตัวตนของแต่ละฝ่าย และช่วยเสริมสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งกันและกัน
3. ให้อภัยกัน คำๆ นี้ มีความหมายยิ่งใหญ่
การให้อภัย คือการลืมอดีตไปเสีย และให้ความสำคัญกับช่วงเวลาปัจจุบัน ทำให้ใจจดใจจ่ออยู่กับการรับมือ กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า... ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ปัจจุบันได้ดีกว่า เมื่อเกิดการทำผิด ก็คุยกันตรงๆ เพื่อหาข้อแก้ไข หรือข้อตกลง ที่ยอมรับกันได้ เพื่อเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ปัจจุบันตอนนี้ ถ้าคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วให้อภัยกันได้ และตกลงกันได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ก็เป็นสัญญาณที่ดี ในการรักกันด้วยความเข้าใจ แต่ถ้าคุยกัน แล้วขุดคุ้ยแต่เรื่องในอดีต โดยไม่พยายามพูดกันดีๆ สายสัมพันธ์ ก็จะยิ่งแย่ลงอย่างแน่นอน
4. ชื่นชมตัวเอง และคนรัก
มีอะไรบ้าง ที่คุณรู้สึกดีในการที่ได้คบกัน หรืออยู่ร่วมกัน ชื่นชมในตัวเอง ที่ได้ทำอะไรดีๆ ออกไปบ้าง และชื่นชมในตัวคนรัก ถึงสิ่งดีๆ ที่คุณได้รับระหว่างที่คบกัน การทำแบบนี้ จะเป็นการให้กำลังใจที่ดีในแต่ละฝ่าย ทำให้ยิ้มได้ ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกันเพิ่มมากขึ้น และผูกพันกันมากขึ้นได้ การพูดประโยคดีๆ อย่าง เช่น “ขอบใจนะที่ดูแลกัน” “ฉันรักคุณ” เป็นการย้ำเตือนให้รู้ว่า มีความห่วงใย เอาใจใส่กันอย่างสม่ำเสมอ
5. สร้างเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม คือสิ่งแรกๆ ที่ทำให้เกิดการเริ่มต้นที่อยากจะสื่อสารกันมากขึ้น ในช่วงเวลา ที่พูดกันน้อย หรือไม่ค่อยมีอะไรที่จะสื่อสารกัน ลองหากิจกรรม ที่จะได้สนุกร่วมกัน หรือสร้างเสียงหัวเราะร่วมกัน อาจเป็นกิจกรรมทั่วๆ ไป เช่นการดูภาพยนตร์สนุกๆ หรือกิจกรรมแบบวัยรุ่น เช่นเล่นเกมส์ เสียงหัวเราะ มีสรรพคุณอย่างดี ในการลดความตึงเครียด และช่วยสร้างความรู้สึกกุ๊กกิ๊ก สนิทสนมกันได้ด้วย
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=772
หากคุณกำลังคบกันอยู่ อย่างไม่มีความสุข ให้มองดูที่ตัวเองก่อน ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ สายสัมพันธ์ความรักของคนหลายคน ไม่มีความสุข เพราะต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกัน ดังนั้นแล้ว ถ้าไม่มีความสุข ลองควบคุมที่ตนเองดูก่อน ก่อนที่จะไปกล่าวโทษคนอื่น เมื่อตัวเองมีความสุข ก็จะสามารถเปิดรับคนอื่น เปิดรับคนรัก พูดคุยกันได้ด้วยความเข้าใจ
2. ทำข้อตกลงกันให้ชัดเจน
พูดคุยกัน ในประเด็นสำคัญๆ ในการที่จะคบกันให้ดำเนินไปได้เป็นอย่างดี มีอะไรที่จะยอมรับได้ อะไรที่จะยอมรับไม่ได้ คุยกันให้ชัดเจน และตกลงกันให้เรียบร้อย เช่นอยากให้คนรักตรงต่อเวลา ตอนที่นัดกัน หรือคนรัก อยากให้ตกลงกันว่า ให้ซื่อสัตย์ต่อกัน ข้อตกลงร่วมกัน จะช่วยให้สายสัมพันธ์เดินไปอย่างไม่หลงทาง และเป็นอีกวิธี ในการรู้จักตัวตน และยอมรับความเป็นตัวตนของแต่ละฝ่าย และช่วยเสริมสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งกันและกัน
3. ให้อภัยกัน คำๆ นี้ มีความหมายยิ่งใหญ่
การให้อภัย คือการลืมอดีตไปเสีย และให้ความสำคัญกับช่วงเวลาปัจจุบัน ทำให้ใจจดใจจ่ออยู่กับการรับมือ กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า... ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ปัจจุบันได้ดีกว่า เมื่อเกิดการทำผิด ก็คุยกันตรงๆ เพื่อหาข้อแก้ไข หรือข้อตกลง ที่ยอมรับกันได้ เพื่อเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ปัจจุบันตอนนี้ ถ้าคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วให้อภัยกันได้ และตกลงกันได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ก็เป็นสัญญาณที่ดี ในการรักกันด้วยความเข้าใจ แต่ถ้าคุยกัน แล้วขุดคุ้ยแต่เรื่องในอดีต โดยไม่พยายามพูดกันดีๆ สายสัมพันธ์ ก็จะยิ่งแย่ลงอย่างแน่นอน
4. ชื่นชมตัวเอง และคนรัก
มีอะไรบ้าง ที่คุณรู้สึกดีในการที่ได้คบกัน หรืออยู่ร่วมกัน ชื่นชมในตัวเอง ที่ได้ทำอะไรดีๆ ออกไปบ้าง และชื่นชมในตัวคนรัก ถึงสิ่งดีๆ ที่คุณได้รับระหว่างที่คบกัน การทำแบบนี้ จะเป็นการให้กำลังใจที่ดีในแต่ละฝ่าย ทำให้ยิ้มได้ ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกันเพิ่มมากขึ้น และผูกพันกันมากขึ้นได้ การพูดประโยคดีๆ อย่าง เช่น “ขอบใจนะที่ดูแลกัน” “ฉันรักคุณ” เป็นการย้ำเตือนให้รู้ว่า มีความห่วงใย เอาใจใส่กันอย่างสม่ำเสมอ
5. สร้างเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม คือสิ่งแรกๆ ที่ทำให้เกิดการเริ่มต้นที่อยากจะสื่อสารกันมากขึ้น ในช่วงเวลา ที่พูดกันน้อย หรือไม่ค่อยมีอะไรที่จะสื่อสารกัน ลองหากิจกรรม ที่จะได้สนุกร่วมกัน หรือสร้างเสียงหัวเราะร่วมกัน อาจเป็นกิจกรรมทั่วๆ ไป เช่นการดูภาพยนตร์สนุกๆ หรือกิจกรรมแบบวัยรุ่น เช่นเล่นเกมส์ เสียงหัวเราะ มีสรรพคุณอย่างดี ในการลดความตึงเครียด และช่วยสร้างความรู้สึกกุ๊กกิ๊ก สนิทสนมกันได้ด้วย
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=772
5 วิธีดูแลความรัก ให้โรแมนติกอยู่เสมอ
ความโรแมนติก ช่วยเติมเต็มคำว่ารัก ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น - สำหรับคู่รักทุกคู่ ความโรแมนติกนั้น มีพื้นฐานเริ่มต้นจากการดูแล เอาใจใส่ ซึ่งกันและกัน และจะโรแมนติกมากขึ้น เมื่อ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และทำอะไร พิเศษๆ ในชีวิตประจำวัน
1. ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
ในยุคสมัยการสื่อสารไร้พรหมแดนเช่นนี้ ไม่ว่า คุณจะอยู่ที่บ้าน และคนรักอยู่ที่ทำงาน ก็ยังแสดงความเอาใจใส่กันได้เสมอ ไล่ตั้งแต่การส่งข้อความหวานๆ ทางโทรศัพท์มือถือ การส่งข้อความแบบเป็นรูปภาพน่ารักๆ หรือการใช้อินเตอร์ ส่งการ์ดทักทาย (E-Card) ในโอกาสปกติ และในโอกาสพิเศษต่างๆ รูปแบบ E-Card มีมากมายหลายแบบในอินเตอร์เน็ตให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และยังมีข้อความที่อ่านแล้วประทับใจ ให้เลือกใช้ หรือจะพิมพ์ข้อความความหมายดีๆ เองก็ได้
2. สัมผัสแสดงความรัก
จับมือ กอด หรือแอบจูจุ๊บคนรัก แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้คนรักรู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี การสัมผัสทางกาย ถือเป็นการแสดงออกทางความรัก ของคนที่รักกัน ได้ง่ายที่สุดแล้ว... ยังจำความรู้สึกตอนที่เป็นวัยรุ่นกันได้ไหม? ว่ารู้สึกดีแค่ไหน ที่ได้จับมือคนที่ชอบ หรือคนที่รักเป็นครั้งแรก ความรู้สึกแบบนี้ คนที่เป็นคู่รักกัน ก็ยังคงอยากที่จะรับรู้เหมือนเช่นเคย กันทั้งนั้น เพียงแค่การจับมือเบาๆ อย่างอ่อนโยน หรือโอบกอด ตอนที่เดินใกล้ๆ กัน ก็เป็นการโรแมนติก'>สร้างความโรแมนติก แบบไม่มีอะไรซับซ้อน และได้ผลดีจริงๆ
3. วางแผนไปเดท หรือไปเที่ยวกันบ่อยๆ
สถานที่ออกเดท มีเยอะแยะมากมาย ทั้งแบบราคาประหยัด และแบบที่ราคาแพงขึ้นมาหน่อย และมันจะโรแมนติกมา ถ้าได้ลองทำอะไร เหมือนตอนที่เริ่มรู้จักกันใหม่ๆ อีกครั้ง เช่นแต่งกายให้หล่อ สวย ลองซื้อน้ำหอมยี่ห้อใหม่มาใช้ ซื้อดอกไม้มอบให้ผู้หญิง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง หรือไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ เติมเต็มความรู้สึกดีๆ และกระชับสายสัมพันธ์กันได้อย่างดีเยี่ยม
4. หยิบกระดาษ มาเขียนจดหมายรัก
เมือคุณหยิบดินสอขึ้นมา คุณจะมีเวลานึกคิด ไตร่ตรอง พรั่งพรู ความรู้สึกในใจออกมา และตัวหนังสือ ที่เขียนลงในแผ่นกระดาษ ยาวเป็นหน้าๆ จะส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ไปให้คนรักสัมผัสได้ เป็นการนึกถึงวันที่ดีเก่าๆ และยิ้มให้กับความสุขอีกครั้ง จดหมายรัก เป็นอะไร ที่หยิบขึ้นมาอ่านอีกกี่ครั้งก็ได้ และทบทวนความรู้สึกในใจที่มีต่อกัน วันและคืนดีๆ ที่ผ่าน หากถูกบันทึกลงในกระดาษ และให้คนรักได้อ่านอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเป็นกำลังใจที่ดี ให้แก่กันและกันได้
5. ทำสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน
อาจจะเป็นการเริ่มออกกำลังกายด้วยกัน หรือทำกิจกรรมลงคอร์สเรียนทำอาหารด้วยกัน ไปเที่ยวสถานที่ ที่ผ่านบ่อยๆ แต่ไม่เคยไปด้วยกันสักครั้ง มีอะไรใหม่ๆ ดีๆ หลายๆ อย่าง ที่คุณและคนรัก จะใช้เวลาทำด้วยกันได้ แม้แต่เรื่องใกล้ๆ ตัว เช่นช่วยกันจัดตกแต่งบ้าน ซื้อต้นไม้สวยๆ มาช่วยกันดูแล ปลูกให้เจริญเติบโต
ทำสิ่งใหม่ๆ อาจช่วยให้คุณพบงานอดิเรก ที่สามารถทำร่วมกันได้ดี และมีความสุข ในวันว่างครั้งต่อไป ที่คุณและคนรัก มีเวลาตรงกัน มองหากิจกรรมใหม่ๆ ที่จะได้ใช้เวลาร่วมกัน อาจจะโรแมนติก ได้มาก หรือ ได้น้อย แต่ก็จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=781
1. ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
ในยุคสมัยการสื่อสารไร้พรหมแดนเช่นนี้ ไม่ว่า คุณจะอยู่ที่บ้าน และคนรักอยู่ที่ทำงาน ก็ยังแสดงความเอาใจใส่กันได้เสมอ ไล่ตั้งแต่การส่งข้อความหวานๆ ทางโทรศัพท์มือถือ การส่งข้อความแบบเป็นรูปภาพน่ารักๆ หรือการใช้อินเตอร์ ส่งการ์ดทักทาย (E-Card) ในโอกาสปกติ และในโอกาสพิเศษต่างๆ รูปแบบ E-Card มีมากมายหลายแบบในอินเตอร์เน็ตให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และยังมีข้อความที่อ่านแล้วประทับใจ ให้เลือกใช้ หรือจะพิมพ์ข้อความความหมายดีๆ เองก็ได้
2. สัมผัสแสดงความรัก
จับมือ กอด หรือแอบจูจุ๊บคนรัก แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้คนรักรู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี การสัมผัสทางกาย ถือเป็นการแสดงออกทางความรัก ของคนที่รักกัน ได้ง่ายที่สุดแล้ว... ยังจำความรู้สึกตอนที่เป็นวัยรุ่นกันได้ไหม? ว่ารู้สึกดีแค่ไหน ที่ได้จับมือคนที่ชอบ หรือคนที่รักเป็นครั้งแรก ความรู้สึกแบบนี้ คนที่เป็นคู่รักกัน ก็ยังคงอยากที่จะรับรู้เหมือนเช่นเคย กันทั้งนั้น เพียงแค่การจับมือเบาๆ อย่างอ่อนโยน หรือโอบกอด ตอนที่เดินใกล้ๆ กัน ก็เป็นการโรแมนติก'>สร้างความโรแมนติก แบบไม่มีอะไรซับซ้อน และได้ผลดีจริงๆ
3. วางแผนไปเดท หรือไปเที่ยวกันบ่อยๆ
สถานที่ออกเดท มีเยอะแยะมากมาย ทั้งแบบราคาประหยัด และแบบที่ราคาแพงขึ้นมาหน่อย และมันจะโรแมนติกมา ถ้าได้ลองทำอะไร เหมือนตอนที่เริ่มรู้จักกันใหม่ๆ อีกครั้ง เช่นแต่งกายให้หล่อ สวย ลองซื้อน้ำหอมยี่ห้อใหม่มาใช้ ซื้อดอกไม้มอบให้ผู้หญิง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง หรือไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ เติมเต็มความรู้สึกดีๆ และกระชับสายสัมพันธ์กันได้อย่างดีเยี่ยม
4. หยิบกระดาษ มาเขียนจดหมายรัก
เมือคุณหยิบดินสอขึ้นมา คุณจะมีเวลานึกคิด ไตร่ตรอง พรั่งพรู ความรู้สึกในใจออกมา และตัวหนังสือ ที่เขียนลงในแผ่นกระดาษ ยาวเป็นหน้าๆ จะส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ไปให้คนรักสัมผัสได้ เป็นการนึกถึงวันที่ดีเก่าๆ และยิ้มให้กับความสุขอีกครั้ง จดหมายรัก เป็นอะไร ที่หยิบขึ้นมาอ่านอีกกี่ครั้งก็ได้ และทบทวนความรู้สึกในใจที่มีต่อกัน วันและคืนดีๆ ที่ผ่าน หากถูกบันทึกลงในกระดาษ และให้คนรักได้อ่านอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเป็นกำลังใจที่ดี ให้แก่กันและกันได้
5. ทำสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน
อาจจะเป็นการเริ่มออกกำลังกายด้วยกัน หรือทำกิจกรรมลงคอร์สเรียนทำอาหารด้วยกัน ไปเที่ยวสถานที่ ที่ผ่านบ่อยๆ แต่ไม่เคยไปด้วยกันสักครั้ง มีอะไรใหม่ๆ ดีๆ หลายๆ อย่าง ที่คุณและคนรัก จะใช้เวลาทำด้วยกันได้ แม้แต่เรื่องใกล้ๆ ตัว เช่นช่วยกันจัดตกแต่งบ้าน ซื้อต้นไม้สวยๆ มาช่วยกันดูแล ปลูกให้เจริญเติบโต
ทำสิ่งใหม่ๆ อาจช่วยให้คุณพบงานอดิเรก ที่สามารถทำร่วมกันได้ดี และมีความสุข ในวันว่างครั้งต่อไป ที่คุณและคนรัก มีเวลาตรงกัน มองหากิจกรรมใหม่ๆ ที่จะได้ใช้เวลาร่วมกัน อาจจะโรแมนติก ได้มาก หรือ ได้น้อย แต่ก็จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=781
ผู้หญิงตัดสินใจแต่งงานเพราะอะไร
คุณผู้ชายทั้งหลายที่ยังไม่เคยมีแฟนหรือมีแฟนอยู่แล้ว หรือคนที่กำลังจะแต่งหรือว่าแต่งงานอยู่แล้ว เคยสงสัยหรือลองถามแฟนคุณดูไหมครับว่า ผู้หญิงเค้าตัดสินใจแต่งงานจากปัจจัยอะไรบ้าง ที่ผ่านๆมาบทความของผมจะเน้นถึงความคิดของผู้ชายแต่คราวนี้ลองอ่านดูสิครับ เมื่อคุณผู้หญิงโดนถามว่า “ผู้หญิงตัดสินใจแต่งงานเพราะอะไร” คำตอบเหล่านี้มาจากคุณผู้หญิงที่แต่งงานแล้วทั้งนั้นนะครับ เราลองไปดูว่าเค้าคิดอะไรกัน
อายุ
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า อายุเป็นคำตอบแรกที่ได้ยินมา อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นสังคมไหนก็จะมีบรรทัดฐานเรื่องของวัยและอายุ ที่จะต้องเป็นไปตามกระแสของสังคม วัยนี้ต้องเรียน วัยนี้ต้องทำงาน วัยนี้ต้องมีคู่ ถ้าไม่ทำตามก็จะถูกมองดูว่าแปลกแยกขายไม่ออก แต่ถ้าคิดให้ลึกถึงสุขภาพของลูก(ในอนาคต) ถ้าพ่อแม่อายุมากก็คงจะไม่ดีเท่าไร
มั่นใจว่าผู้ชายคนนี้จะดูแลเราได้
เรื่องของการแต่งงานเป็นการตัดสินใจของคนสองคน โดยเฉพาะผู้หญิงยิ่งจะรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้คือคนที่สามารถจะดูแลกันและกันตลอดทั้งชีวิตได้ คือความมั่นใจที่จะเลือกใครซักคนเข้ามาแบ่งปันชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขไปด้วยกัน
เข้ากันได้(ดี)และยอมรับสิ่งที่ผู้หญิงเป็นได้
นอกจากเข้ากันได้(ต้องดีด้วยนะครับ)แล้ว การยอมรับข้อบกพร่องของอีกฝ่ายได้เพราะในระยะยาว ความอดทนยอมมีที่สิ้นสุดแต่การยอมรับบวกกับความอดทนจะต้องควบคู่กันไป
จังหวะของชีวิต
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของคนแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น ท้องก่อนแต่ง (อันนี้ก็ต้องแต่งแน่ๆครับ) คนนึงกำลังจะต้องไปทำงานต่างประเทศหรือไปเรียนต่อแฟนก็เลยชิงขอแต่งงานจะได้ไม่ต้องไป คบกันมานานแล้วรู้สึกว่าทุกอย่างพร้อมแล้วก็แต่งเลยดีกว่า บางคนคิดว่าแต่งเลยก็ได้ส่วนฐานะค่อยไปสร้างกันทีหลัง ในวัยเด็กๆแต่ละคนก็ต่างนึกว่าถ้าพระเอกคุกเข่าขอนางเอกแต่งงาน พอได้แต่งกันก็เป็นตอนจบของเรื่องเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงยังมีปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจอีกมากมาย
นิสัยและความดี
ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ สมัยนี้คงไม่มีการยอมให้มีการถูกคลุมถุงชนแล้ว ดังนั้นช่วงเวลาที่คนสองคนคบกันศึกษานิสัยใจคอกันแล้วว่า สามารถที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ถึงเค้าจะมีข้อเสียบ้างแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ที่สำคัญคือความดีของอีกฝ่ายที่สามารถเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าจะสามารถฝากชีวิตให้ดูแลได้
อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เป็นคำตอบง่ายๆที่มีความหมายลึกซึ้งเมื่อคนสองคนรักกันหลังจากร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค ปัญหาสารพัดมาด้วยกัน จนถึงจุดสุกงอมของความรัก เลยมีความรู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เป็นไงบ้างครับคุณผู้ชายทั้งหลาย รู้สึกว่าคุณได้ทำตัวให้มีคุณสมบัติที่ตรงใจกับคุณผู้หญิงคุณอยากแต่งงานด้วยรึยังครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=789
อายุ
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า อายุเป็นคำตอบแรกที่ได้ยินมา อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นสังคมไหนก็จะมีบรรทัดฐานเรื่องของวัยและอายุ ที่จะต้องเป็นไปตามกระแสของสังคม วัยนี้ต้องเรียน วัยนี้ต้องทำงาน วัยนี้ต้องมีคู่ ถ้าไม่ทำตามก็จะถูกมองดูว่าแปลกแยกขายไม่ออก แต่ถ้าคิดให้ลึกถึงสุขภาพของลูก(ในอนาคต) ถ้าพ่อแม่อายุมากก็คงจะไม่ดีเท่าไร
มั่นใจว่าผู้ชายคนนี้จะดูแลเราได้
เรื่องของการแต่งงานเป็นการตัดสินใจของคนสองคน โดยเฉพาะผู้หญิงยิ่งจะรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้คือคนที่สามารถจะดูแลกันและกันตลอดทั้งชีวิตได้ คือความมั่นใจที่จะเลือกใครซักคนเข้ามาแบ่งปันชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขไปด้วยกัน
เข้ากันได้(ดี)และยอมรับสิ่งที่ผู้หญิงเป็นได้
นอกจากเข้ากันได้(ต้องดีด้วยนะครับ)แล้ว การยอมรับข้อบกพร่องของอีกฝ่ายได้เพราะในระยะยาว ความอดทนยอมมีที่สิ้นสุดแต่การยอมรับบวกกับความอดทนจะต้องควบคู่กันไป
จังหวะของชีวิต
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของคนแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น ท้องก่อนแต่ง (อันนี้ก็ต้องแต่งแน่ๆครับ) คนนึงกำลังจะต้องไปทำงานต่างประเทศหรือไปเรียนต่อแฟนก็เลยชิงขอแต่งงานจะได้ไม่ต้องไป คบกันมานานแล้วรู้สึกว่าทุกอย่างพร้อมแล้วก็แต่งเลยดีกว่า บางคนคิดว่าแต่งเลยก็ได้ส่วนฐานะค่อยไปสร้างกันทีหลัง ในวัยเด็กๆแต่ละคนก็ต่างนึกว่าถ้าพระเอกคุกเข่าขอนางเอกแต่งงาน พอได้แต่งกันก็เป็นตอนจบของเรื่องเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงยังมีปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจอีกมากมาย
นิสัยและความดี
ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ สมัยนี้คงไม่มีการยอมให้มีการถูกคลุมถุงชนแล้ว ดังนั้นช่วงเวลาที่คนสองคนคบกันศึกษานิสัยใจคอกันแล้วว่า สามารถที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ถึงเค้าจะมีข้อเสียบ้างแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ที่สำคัญคือความดีของอีกฝ่ายที่สามารถเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าจะสามารถฝากชีวิตให้ดูแลได้
อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เป็นคำตอบง่ายๆที่มีความหมายลึกซึ้งเมื่อคนสองคนรักกันหลังจากร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค ปัญหาสารพัดมาด้วยกัน จนถึงจุดสุกงอมของความรัก เลยมีความรู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เป็นไงบ้างครับคุณผู้ชายทั้งหลาย รู้สึกว่าคุณได้ทำตัวให้มีคุณสมบัติที่ตรงใจกับคุณผู้หญิงคุณอยากแต่งงานด้วยรึยังครับ
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=789
8 สัญญาณเตือน ของอาการ “หมดรัก”
เมื่อคุณมีความรัก และจู่ๆ สายสัมพันธ์ความรัก ระหว่างคุณกับแฟน ก็ขาดสะบั้นลง คุณอาจสงสัยว่า ที่ผ่านมา ระหว่างทางที่คบกัน มีอะไรผิดพลาดไปบ้าง และมีอะไรที่เป็นสัญญาณเตือนหรือไม่ ว่ารักของเขาที่มีให้คุณ เริ่มจืดจางลงแล้ว รายการต่อไปนี้ คือสัญญาณเตือน 8 ข้อ ที่จะช่วยบอกให้คุณรู้ว่า ความรักที่เขามีให้คุณ อาจจะมีน้อยลง และเป็นอาการหลักๆ เมื่อเขาคิดต้องการแยกทาง ตัดสายสัมพันธ์อันดีกับคุณ
สัญญาณเตือนที่ 1 เขาไม่ได้โทรศัพท์หาคุณ มาหลายวันแล้ว
ถ้าสำหรับคนที่ปกติโทรหากันทุกวัน และจู่ๆ เขาก็โทรหาน้อยลงๆ เรื่อยๆ หรือขาดการติดต่อไป เป็นเวลาหลายวัน นี่เป็นสัญญาณเตือนลำดับแรก ที่จะบอกให้คุณรู้ว่า เขาต้องมีอะไรผิดปกติไปจากเดิมแน่ๆ
สัญญาณเตือนที่ 2 หาเรื่อง ชวนทะเลาะ
ถ้าจู่ๆ เขาเกิดไม่พอใจในเรื่องบางเรื่อง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาสามารถยอมรับเรื่องเดียวกันนี้ได้ และหนำซ้ำยังหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียง สาดน้ำลายใส่คุณ นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับคุณแล้ว บางทีคุณอาจจะถามเขาตรงๆ ไปเลยก็ได้ว่า ที่ชวนทะละกันอย่างนี้ เพราะไม่ได้รู้สึกดีต่อกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?
สัญญาณเตือนที่ 3 เขากลายเป็นคน ที่มีเงื่อนงำมากขึ้น
อย่างเช่น เขาไม่บอกคุณเหมือนแต่ก่อน ว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ไปกับใคร หรือโทรศัพท์คุยกับใครบ้าง ต้องรอให้คุณถามเอง ถึงจะยอมบอก บางทีเขาเลิกงาน ในวันทำงานแล้ว ก็หายวับ ไปเป็นชั่วโมง ถึงจะติดต่อกลับมา โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักนิด
สัญญาณเตือนที่ 4 เขาเลิกพูดไปเลย กับ คำว่า “เรา” แต่เปลี่ยนมาใช้ แต่คำว่า “ผม” แทน
คุณ เคยนั่งด้วย ด้วยกัน และวางแผนกันว่า “เราจะไปเที่ยวด้วยกันนะ - เราจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ด้วยกันนะ” แต่ตอนนี้ เขามาเปลี่ยนเป็นพูดว่า “อืม.. ผมจะไปทำไอ้นั่นล่ะนะ” พูดถึงแต่ตัวเอง ว่าอยากจะไปทำอะไรคนเดียว แสดงว่า เขาไม่รู้สึกดี ที่อยากจะให้คุณมาทำอะไรร่วมกันอีกแล้ว
สัญญาณเตือนที่ 5 เขาไปเที่ยวกับเพื่อน มากกว่า ให้เวลากับคุณ
ถ้าแต่ก่อน คุณเป็นคนแรกที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของเขา แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า คุณต้องทะเลาะกัน เพราะไม่ว่าเวลาไหน เขาก็มักจะไปเที่ยวกับเพื่อนตลอด ความรู้สึก “รัก” ที่เขามีให้คุณเริ่มลดน้อยลงแล้วล่ะ
สัญญาณเตือนที่ 6 บรรยากาศเงียบเชียบ พูดกันน้อยลง
หากคุณเคยกัน ด้วยเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรตั้งมากมาย เรื่องหมูหมากาไก่ เรื่องของคนข้างบ้าน ตลอดจนเรื่องละครหลังข่าว แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า เขาไม่มีความคิดเห็น ได้แต่ตอบเพียงว่า “อืม” “ใช่” “เหรอ” จากที่เคยพูดกันเยอะๆ เขาก็แทบไม่อยากจะคุยกับคุณนานๆ
สัญญาณเตือนที่ 7 เพื่อนๆ รอบตัวคุณ เริ่มถามคุณแล้วล่ะว่า ระหว่างคุณกับแฟน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
เพื่อนสนิทคุณ เริ่มสังเกตเห็นความห่างเหิน ระหว่างคุณกับแฟนของคุณ อย่างเห็นได้ชัด และต่างถามคุณด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณกับเขายังรักกันดี หรือเปล่าเนี่ย”
สัญญาณเตือนที่ 8 เขาวิจารณ์หรือตำหนิคุณ มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างเช่น บอกคุณว่า คุณแต่งตัวไม่สวยเอาซะเลย (ทั้งๆ ที่ นี่มันชุดเดิมที่เขาเคยชมว่าสวยนี่หว่า) หรือตำหนิ คุณในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เขาเคยชินกับมันมาตั้งนานแล้ว และไม่เคยว่าคุณมากก่อน
อยากให้คุณรู้เอาไว้ว่า 8 ข้อด้านบนนี้ เป็นเพียงแค่สัญญาณเตือนเท่านั้น ว่าเขาอาจจะเริ่มหมดรัก คุณแล้วก็ได้ แต่ในสถานการณ์ของคู่รักแต่ละคู่ ที่ยังอยู่ด้วยกัน อาจจะมีประสบการณ์แย่ๆ เหล่านี้ก็ได้ แต่ก็สามารถแก้ไข และปรับตัวได้ทัน และคบกันต่อไป ทางออกที่ดี ในการแก้ปัญหาสายสัมพันธ์ให้ได้ ทันท่วงที ก็คือ การหันหน้าเข้าคุยกันอย่างเปิดเผยนั่นเอง
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=792
สัญญาณเตือนที่ 1 เขาไม่ได้โทรศัพท์หาคุณ มาหลายวันแล้ว
ถ้าสำหรับคนที่ปกติโทรหากันทุกวัน และจู่ๆ เขาก็โทรหาน้อยลงๆ เรื่อยๆ หรือขาดการติดต่อไป เป็นเวลาหลายวัน นี่เป็นสัญญาณเตือนลำดับแรก ที่จะบอกให้คุณรู้ว่า เขาต้องมีอะไรผิดปกติไปจากเดิมแน่ๆ
สัญญาณเตือนที่ 2 หาเรื่อง ชวนทะเลาะ
ถ้าจู่ๆ เขาเกิดไม่พอใจในเรื่องบางเรื่อง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาสามารถยอมรับเรื่องเดียวกันนี้ได้ และหนำซ้ำยังหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียง สาดน้ำลายใส่คุณ นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับคุณแล้ว บางทีคุณอาจจะถามเขาตรงๆ ไปเลยก็ได้ว่า ที่ชวนทะละกันอย่างนี้ เพราะไม่ได้รู้สึกดีต่อกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?
สัญญาณเตือนที่ 3 เขากลายเป็นคน ที่มีเงื่อนงำมากขึ้น
อย่างเช่น เขาไม่บอกคุณเหมือนแต่ก่อน ว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ไปกับใคร หรือโทรศัพท์คุยกับใครบ้าง ต้องรอให้คุณถามเอง ถึงจะยอมบอก บางทีเขาเลิกงาน ในวันทำงานแล้ว ก็หายวับ ไปเป็นชั่วโมง ถึงจะติดต่อกลับมา โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักนิด
สัญญาณเตือนที่ 4 เขาเลิกพูดไปเลย กับ คำว่า “เรา” แต่เปลี่ยนมาใช้ แต่คำว่า “ผม” แทน
คุณ เคยนั่งด้วย ด้วยกัน และวางแผนกันว่า “เราจะไปเที่ยวด้วยกันนะ - เราจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ด้วยกันนะ” แต่ตอนนี้ เขามาเปลี่ยนเป็นพูดว่า “อืม.. ผมจะไปทำไอ้นั่นล่ะนะ” พูดถึงแต่ตัวเอง ว่าอยากจะไปทำอะไรคนเดียว แสดงว่า เขาไม่รู้สึกดี ที่อยากจะให้คุณมาทำอะไรร่วมกันอีกแล้ว
สัญญาณเตือนที่ 5 เขาไปเที่ยวกับเพื่อน มากกว่า ให้เวลากับคุณ
ถ้าแต่ก่อน คุณเป็นคนแรกที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของเขา แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า คุณต้องทะเลาะกัน เพราะไม่ว่าเวลาไหน เขาก็มักจะไปเที่ยวกับเพื่อนตลอด ความรู้สึก “รัก” ที่เขามีให้คุณเริ่มลดน้อยลงแล้วล่ะ
สัญญาณเตือนที่ 6 บรรยากาศเงียบเชียบ พูดกันน้อยลง
หากคุณเคยกัน ด้วยเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรตั้งมากมาย เรื่องหมูหมากาไก่ เรื่องของคนข้างบ้าน ตลอดจนเรื่องละครหลังข่าว แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า เขาไม่มีความคิดเห็น ได้แต่ตอบเพียงว่า “อืม” “ใช่” “เหรอ” จากที่เคยพูดกันเยอะๆ เขาก็แทบไม่อยากจะคุยกับคุณนานๆ
สัญญาณเตือนที่ 7 เพื่อนๆ รอบตัวคุณ เริ่มถามคุณแล้วล่ะว่า ระหว่างคุณกับแฟน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
เพื่อนสนิทคุณ เริ่มสังเกตเห็นความห่างเหิน ระหว่างคุณกับแฟนของคุณ อย่างเห็นได้ชัด และต่างถามคุณด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณกับเขายังรักกันดี หรือเปล่าเนี่ย”
สัญญาณเตือนที่ 8 เขาวิจารณ์หรือตำหนิคุณ มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างเช่น บอกคุณว่า คุณแต่งตัวไม่สวยเอาซะเลย (ทั้งๆ ที่ นี่มันชุดเดิมที่เขาเคยชมว่าสวยนี่หว่า) หรือตำหนิ คุณในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เขาเคยชินกับมันมาตั้งนานแล้ว และไม่เคยว่าคุณมากก่อน
อยากให้คุณรู้เอาไว้ว่า 8 ข้อด้านบนนี้ เป็นเพียงแค่สัญญาณเตือนเท่านั้น ว่าเขาอาจจะเริ่มหมดรัก คุณแล้วก็ได้ แต่ในสถานการณ์ของคู่รักแต่ละคู่ ที่ยังอยู่ด้วยกัน อาจจะมีประสบการณ์แย่ๆ เหล่านี้ก็ได้ แต่ก็สามารถแก้ไข และปรับตัวได้ทัน และคบกันต่อไป ทางออกที่ดี ในการแก้ปัญหาสายสัมพันธ์ให้ได้ ทันท่วงที ก็คือ การหันหน้าเข้าคุยกันอย่างเปิดเผยนั่นเอง
credit: http://www.naddate.com/love-view.aspx?id=792
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)